หลากคุณประโยชน์ต้านโรค...จากอาหารอีสาน
เมื่อพูดถึง "อาหารอีสาน" หลายคนนึกถึงเรื่องของความอร่อยและรสชาติที่จัดจ้านถึงใจ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีทั้งในหมู่คนไทยและคนต่างชาติ แต่จะมีใครที่ตระหนักรู้ว่า อาหารแซ่บอย่างอาหารอีสานนั้นมีคุณค่าสารอาหารครบครัน ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามินและเกลือแร่
ในขณะที่มีไขมันต่ำ ที่สำคัญอาหารอีสานนั้นยังช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ ได้ เพราะส่วนใหญ่เครื่องปรุงและเครื่องเคียงต่างๆ มาจากผักอีสานนานาชนิด
โดยอาจารย์อรทัย เหรียญทิพยะสกุล อาจารย์ประจำคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เผยว่า ในปัจจุบันทุกคนหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพของตนเองกันมากขึ้น ดังนั้นเมนูอาหารอีสานเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะแต่ละเมนูมักจะมีเครื่องเคียงที่เป็นผักพื้นบ้านที่หาได้ตามท้องถิ่น มาเป็นส่วนประกอบบนโต๊ะอาหาร ไม่ว่าจะเป็นส้มตำ ลาบหรือน้ำตก
แต่มีน้อยคนนักที่จะทราบว่าผักพื้นบ้านอีสานหลายชนิดให้คุณค่าทางโภชนาการ ตลอดจนประกอบไปด้วยเส้นใยอาหารสูงและไขมันต่ำ ที่สำคัญช่วยในเรื่องการควบคุมน้ำหนัก ลดอัตราความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง อีกทั้งยังช่วยเพิ่มรสชาติในอาหารอีกด้วย อาจารย์อรทัยจึงได้แนะนำเมนูอาหารพื้นบ้านอีสานแบบง่าย ๆ ที่มีสรรพคุณทั้งเป็นยารักษาโรคและเป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการมากมาย เช่น
ต้มไก่ยอดหม่อน
มีสรรพคุณตั้งแต่รากจรดใบ เนื่องจาก "ต้นหม่อน" นับว่าเป็นพืชอีสานพื้นบ้านที่มีคุณประโยชน์มากมายตั้งแต่ราก ใบ กิ่ง และผล นอกจากใช้ใบในการเลี้ยงหนอนไหมแล้ว ก็ยังสามารถนำมาปรุงอาหารรสอร่อยถึงใจให้หลาย ๆ คนได้ลิ้มลอง อย่างเมนู "ต้มไก่ยอดหม่อน" ที่ใครได้ลิ้มรสแล้วรับรองต้องติดใจในรส "นัว" หรือรสเข้มข้นจากน้ำซุปร้อน ๆ หอมกลิ่นเครื่องเทศ และชูโรงด้วย "ใบหม่อน" และเมนูนี้นับว่าเป็นหนึ่งในเมนูสุขภาพ เพราะมีคุณค่าสารอาหารอยู่มากมายจากส่วนเครื่องปรุงต่าง ๆ อาทิ "ยอดหม่อน" มีคุณสมบัติที่ช่วยบำรุงสายตา แถม "ใบหม่อน" ยังช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอล น้ำตาลในเลือด และความดันโลหิต พร้อมทั้งยังเป็นเมนูช่วยควบคุมน้ำหนัก สำหรับสาว ๆ ที่ต้องการลดความอ้วน เพราะมีไขมันจากเนื้อสัตว์น้อยและไม่ใช้น้ำมันในการปรุงอาหาร
นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณช่วยขับลม โดยเฉพาะเครื่องเทศอย่าง พริก หอม กระเทียม ข่า หัวสิงไค (ตะไคร้) ใบบักอีเว่อ (ใบมะกรูด) บักโป้งเล็น (มะเขือเทศ) บักขาม (มะขาม) ผักอีตู่ นอกจากนี้ส่วนอื่น ๆ ของต้นหม่อนยังสามารถนำมาแก้โรคต่างๆ ได้อีก อาทิ "กิ่งหม่อน" ช่วยให้เลือดไหลเวียนสะดวก ลำไส้ทำงานได้ดี รักษาอาการปวดมือ เท้าเป็นตะคริว เหน็บชา "ลูกหม่อน" รักษาโรคไขข้อ บำรุงหัวใจ บำรุงผมให้ดกดำ และ "รากหม่อน" ลดปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือด รวมทั้งรักษาโรคเบาหวานได้
แจ่วบอง
หรือน้ำพริก ที่ถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของอาหารอีสาน ซึ่งวิธีการทำก็ไม่ยุ่งยากเพียงใช้ปลาร้าปรุงสุกสับให้ละเอียด คลุกเคล้าเข้ากับเครื่องเทศพื้นบ้านที่หาได้ในครัวเรือน อาทิ พริก หอมแดง กระเทียม ข่า หัวสิงไค (ตะไคร้) ใบบักอีเว่อ (ใบมะกรูด) บักโป้งเล็น (มะเขือเทศ) หรือมะขามเปียก เพียงแค่นี้ก็จะได้น้ำพริกรสแซ่บ ซึ่งมีสรรพคุณช่วยเจริญอาหาร แถมช่วยขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ นิยมรับประทานพร้อมกับผักเคียง อาทิ มะเขือเปราะ ถั่วฝักยาว กะหล่ำปลี แตงค้าง (แตงกวา) ยอดบักอึ (ยอดฟักทอง) หรือเนื้อย่าง ปลาย่าง เป็นต้น
ซุปบักมี่ หรือซุปขนุน
อีกหนึ่งเมนูอาหารอีสานที่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง เพราะอุดมด้วยคาร์โบไฮเดรตและวิตามินเอที่ช่วยบำรุงสายตา แก้กระหายน้ำ คลายร้อน และช่วยในการย่อยอาหาร
วิธีการทำไม่ยุ่งยากเพียงแค่นำขนุนอ่อนมาปอกเปลือก หั่นแว่นไปต้มให้สุก แล้วนำมาโขลกให้ละเอียดเพื่อให้เข้าเครื่องกับพริก หอมแดง กระเทียม ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า ปลาย่างป่น พริกป่น งาขาว งาดำคั่วละเอียด น้ำปลา พร้อมโรยหน้าด้วยผักบั่ว (ต้นหอม) ผักอีหล่า (สะระแหน่) ผักชีหอม ผักหอมเป (ผักชีฝรั่ง) ผักแพว
อ่อมหอย หรือ แกงคั่วหอยขม
แกงอีสานน้ำขลุกขลิกชนิดนี้มีสรรพคุณช่วยต้านริ้วรอยจากอนุมูลอิสระ ต้านโรคหวัด บำรุงสายตา ซึ่งวิธีการทำก็ง่าย ๆ เพียงใส่ผักอีสานนานาชนิดในหม้อต้มพร้อมกันทั้งพริก หอมแดง กระเทียม ข่า หัวสิงไค (ตะไคร้) ใบบักอีเว่อ (ใบมะกรูด) ผักอีเลิด (ชะพลู) และผักบั่ว (ต้นหอม) และผักไฮไลต์อย่างใบชะพลูและผักหวานที่อุดมด้วยวิตามินซีและเบต้าแคโรทีนสูง จากนั้นใส่หอยขมที่มีโปรตีนสูง และหาได้ง่ายตามห้วยหนองคลองบึง เพียงเท่านี้เราก็ได้เมนูอาหารอีสานต้านโรคหวัด แถมชะลอริ้วรอยได้ง่าย ๆ แล้ว
อ่านแล้วก็รู้สึกเปรี้ยวปากอยากทานขึ้นมาทันทีเลย
ขอบคุณ : postjung
เมื่อพูดถึง "อาหารอีสาน" หลายคนนึกถึงเรื่องของความอร่อยและรสชาติที่จัดจ้านถึงใจ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีทั้งในหมู่คนไทยและคนต่างชาติ แต่จะมีใครที่ตระหนักรู้ว่า อาหารแซ่บอย่างอาหารอีสานนั้นมีคุณค่าสารอาหารครบครัน ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามินและเกลือแร่
ในขณะที่มีไขมันต่ำ ที่สำคัญอาหารอีสานนั้นยังช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ ได้ เพราะส่วนใหญ่เครื่องปรุงและเครื่องเคียงต่างๆ มาจากผักอีสานนานาชนิด
โดยอาจารย์อรทัย เหรียญทิพยะสกุล อาจารย์ประจำคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เผยว่า ในปัจจุบันทุกคนหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพของตนเองกันมากขึ้น ดังนั้นเมนูอาหารอีสานเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะแต่ละเมนูมักจะมีเครื่องเคียงที่เป็นผักพื้นบ้านที่หาได้ตามท้องถิ่น มาเป็นส่วนประกอบบนโต๊ะอาหาร ไม่ว่าจะเป็นส้มตำ ลาบหรือน้ำตก
แต่มีน้อยคนนักที่จะทราบว่าผักพื้นบ้านอีสานหลายชนิดให้คุณค่าทางโภชนาการ ตลอดจนประกอบไปด้วยเส้นใยอาหารสูงและไขมันต่ำ ที่สำคัญช่วยในเรื่องการควบคุมน้ำหนัก ลดอัตราความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง อีกทั้งยังช่วยเพิ่มรสชาติในอาหารอีกด้วย อาจารย์อรทัยจึงได้แนะนำเมนูอาหารพื้นบ้านอีสานแบบง่าย ๆ ที่มีสรรพคุณทั้งเป็นยารักษาโรคและเป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการมากมาย เช่น
ต้มไก่ยอดหม่อน
มีสรรพคุณตั้งแต่รากจรดใบ เนื่องจาก "ต้นหม่อน" นับว่าเป็นพืชอีสานพื้นบ้านที่มีคุณประโยชน์มากมายตั้งแต่ราก ใบ กิ่ง และผล นอกจากใช้ใบในการเลี้ยงหนอนไหมแล้ว ก็ยังสามารถนำมาปรุงอาหารรสอร่อยถึงใจให้หลาย ๆ คนได้ลิ้มลอง อย่างเมนู "ต้มไก่ยอดหม่อน" ที่ใครได้ลิ้มรสแล้วรับรองต้องติดใจในรส "นัว" หรือรสเข้มข้นจากน้ำซุปร้อน ๆ หอมกลิ่นเครื่องเทศ และชูโรงด้วย "ใบหม่อน" และเมนูนี้นับว่าเป็นหนึ่งในเมนูสุขภาพ เพราะมีคุณค่าสารอาหารอยู่มากมายจากส่วนเครื่องปรุงต่าง ๆ อาทิ "ยอดหม่อน" มีคุณสมบัติที่ช่วยบำรุงสายตา แถม "ใบหม่อน" ยังช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอล น้ำตาลในเลือด และความดันโลหิต พร้อมทั้งยังเป็นเมนูช่วยควบคุมน้ำหนัก สำหรับสาว ๆ ที่ต้องการลดความอ้วน เพราะมีไขมันจากเนื้อสัตว์น้อยและไม่ใช้น้ำมันในการปรุงอาหาร
นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณช่วยขับลม โดยเฉพาะเครื่องเทศอย่าง พริก หอม กระเทียม ข่า หัวสิงไค (ตะไคร้) ใบบักอีเว่อ (ใบมะกรูด) บักโป้งเล็น (มะเขือเทศ) บักขาม (มะขาม) ผักอีตู่ นอกจากนี้ส่วนอื่น ๆ ของต้นหม่อนยังสามารถนำมาแก้โรคต่างๆ ได้อีก อาทิ "กิ่งหม่อน" ช่วยให้เลือดไหลเวียนสะดวก ลำไส้ทำงานได้ดี รักษาอาการปวดมือ เท้าเป็นตะคริว เหน็บชา "ลูกหม่อน" รักษาโรคไขข้อ บำรุงหัวใจ บำรุงผมให้ดกดำ และ "รากหม่อน" ลดปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือด รวมทั้งรักษาโรคเบาหวานได้
แจ่วบอง
หรือน้ำพริก ที่ถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของอาหารอีสาน ซึ่งวิธีการทำก็ไม่ยุ่งยากเพียงใช้ปลาร้าปรุงสุกสับให้ละเอียด คลุกเคล้าเข้ากับเครื่องเทศพื้นบ้านที่หาได้ในครัวเรือน อาทิ พริก หอมแดง กระเทียม ข่า หัวสิงไค (ตะไคร้) ใบบักอีเว่อ (ใบมะกรูด) บักโป้งเล็น (มะเขือเทศ) หรือมะขามเปียก เพียงแค่นี้ก็จะได้น้ำพริกรสแซ่บ ซึ่งมีสรรพคุณช่วยเจริญอาหาร แถมช่วยขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ นิยมรับประทานพร้อมกับผักเคียง อาทิ มะเขือเปราะ ถั่วฝักยาว กะหล่ำปลี แตงค้าง (แตงกวา) ยอดบักอึ (ยอดฟักทอง) หรือเนื้อย่าง ปลาย่าง เป็นต้น
ซุปบักมี่ หรือซุปขนุน
อีกหนึ่งเมนูอาหารอีสานที่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง เพราะอุดมด้วยคาร์โบไฮเดรตและวิตามินเอที่ช่วยบำรุงสายตา แก้กระหายน้ำ คลายร้อน และช่วยในการย่อยอาหาร
วิธีการทำไม่ยุ่งยากเพียงแค่นำขนุนอ่อนมาปอกเปลือก หั่นแว่นไปต้มให้สุก แล้วนำมาโขลกให้ละเอียดเพื่อให้เข้าเครื่องกับพริก หอมแดง กระเทียม ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า ปลาย่างป่น พริกป่น งาขาว งาดำคั่วละเอียด น้ำปลา พร้อมโรยหน้าด้วยผักบั่ว (ต้นหอม) ผักอีหล่า (สะระแหน่) ผักชีหอม ผักหอมเป (ผักชีฝรั่ง) ผักแพว
อ่อมหอย หรือ แกงคั่วหอยขม
แกงอีสานน้ำขลุกขลิกชนิดนี้มีสรรพคุณช่วยต้านริ้วรอยจากอนุมูลอิสระ ต้านโรคหวัด บำรุงสายตา ซึ่งวิธีการทำก็ง่าย ๆ เพียงใส่ผักอีสานนานาชนิดในหม้อต้มพร้อมกันทั้งพริก หอมแดง กระเทียม ข่า หัวสิงไค (ตะไคร้) ใบบักอีเว่อ (ใบมะกรูด) ผักอีเลิด (ชะพลู) และผักบั่ว (ต้นหอม) และผักไฮไลต์อย่างใบชะพลูและผักหวานที่อุดมด้วยวิตามินซีและเบต้าแคโรทีนสูง จากนั้นใส่หอยขมที่มีโปรตีนสูง และหาได้ง่ายตามห้วยหนองคลองบึง เพียงเท่านี้เราก็ได้เมนูอาหารอีสานต้านโรคหวัด แถมชะลอริ้วรอยได้ง่าย ๆ แล้ว
อ่านแล้วก็รู้สึกเปรี้ยวปากอยากทานขึ้นมาทันทีเลย
ขอบคุณ : postjung
No comments:
Post a Comment
ขอบคุณจ้า..