แกงเผ็ดเต้าหู้ ฟักทอง อกไก่
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ พี่ๆ และน้องๆที่รัก
ใกล้วันสงกรานต์เข้ามาแล้วนะคะ อากาศที่เคยแปรปรวน
ก็กลับมาร้อนเหมือนเดิมแล้วค่ะ
คาดว่าปีนี้คงจะได้รดน้ำดำหัว กันอย่างสนุกสนานเต็มที่นะคะ
ช่วงบ่ายเมื่อวานนี้ หวานหวานออกไปทำธุระนอกบ้านหลายแห่งค่ะ
ไปโดนเปลวแดดแผดเผามา ผิวที่ดำๆอยู่แล้ว แทบจะไหม้เลยเชียว
แปลกนะคะร้อนอยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนเป็นหนาวแล้วกลับไปร้อนใหม่
ตอนเช้าร้อนอบอ้าวมาก พอค่ำๆฝนตกจั้กๆ แปรปรวนเหมือนสาววัยทองจริงๆค่ะ
วันนี้มาชวนทำแกงเผ็ดเต้าหู้ ฟักทอง และอกไก่ ใส่ปิ่นโตไปวัดค่ะ
อาหารที่ไม่เหนียว เคี้ยวง่ายๆ คงจะทำให้พระภิกษุที่ชราภาพฉันได้สะดวกนะคะ
แล้วหวานหวานจะขอพรว่า หากได้เกิดอีกขอให้มีผิวสีจางกว่านี้ค่ะ ...เอิ๊กๆ!!
**เมื่อตะกี้โดนน้องอ๋อยแซวว่า จะแกงถวายพระ แต่ทำไมยกไปเสิร์ฟคุณชายที่บ้าน
เอ่อ..อันที่จริงคุณชายถนัดเด็ดของหวานหวานก็เป็นพระนะคะ พระเอกไงคะ...เอิ๊ก ๆ
ก็เลยต้องให้พระเอกลองชิมก่อน เพื่อความมั่นใจว่าอร่อยแน่ๆ
เพราะเป็นสูตรที่เพิ่งจะคิดขึ้นมาใหม่ค่ะ**
หวานหวานชอบโขลกน้ำพริกแกงเองค่ะ เพราะจะได้น้ำพริกที่มีกลิ่นหอม
เนื่องจากเราใช้เครื่องปรุงสดๆ ตัดตะไคร้จากต้น ขุดข่าขึ้นมาจากดินใหม่ๆ
เครื่องปรุงน้ำพริกแกงเผ็ด มีดังนี้ค่ะ
พริกแห้ง ข่า ตะไคร้ ผิวมะกรูด หัวหอม กระเทียม รากผักชี พริกไทยดำ กะปิ เกลือ
ถ้าหากใช้เต้าหู้ญี่ปุ่น (แต่ผลิตในไทย)จะอร่อยมากค่ะ
กะทิสดหรือกะทิกล่องก็ได้ค่ะ ถ้าเป็นสมัยโบราณ แบบภาพยนตร์เรื่องแม่เบี้ย
จะต้องใช้กระต่ายขูดมะพร้าว นึกถึงภาพน้องมะเหมี่ยวโชว์ลีลาขูดมะพร้าวนะคะ
ถ้าทำอย่างนั้น แกงหม้อนี้คงจะอร่อยอย่างมีเสน่ห์ขึ้นอีกมากมายหละค่ะ...เอิ๊กๆๆ
น้ำปลา น้ำตาล ใช้น้ำตาลปึกหรือน้ำตาลปี๊บ จะได้ความหอมเป็นของแถมค่ะ
หวานหวานชอบใช้ครกในการโขลกน้ำพริกแกงค่ะ เพราะจะได้กลิ่นหอม และดูขลังดีค่ะ
วันนี้เรามาโขลกน้ำพริกแกงให้เข้ากับจังหวะรำวงนะคะ สนุกดีค่ะ
เริ่มต้นจาก โขลกพริกไทยดำ ให้ละเอียด แล้วใส่พริกแห้ง เกลือป่น ข่า ตะไคร้
ผิวมะกรูด รากผักชี กระเทียม หัวหอม โขลกต่อให้ละเอียด ใส่กะปิเป็นลำดับสุดท้ายค่ะ
น้ำพริกที่โขลกใหม่ๆสีสวย หอมฟุ้ง อุดมไปด้วยสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อร่างกายค่ะ
น้ำพริกครกนี้ โขลกเผื่อเก็บเอาไว้ใช้คราวหน้าด้วยค่ะ
แกงหม้อนี้ตักแบ่งมาใช้แค่ครึ่งเดียวนะคะ ที่เหลือตักใส่ขวดแช่เย็นไว้ค่ะ
ลงมือแกงกันเลยนะคะ โดยใส่หัวกะทิในกระทะ ใช้ไฟปานกลาง
เคี่ยวจนกะทิแตกมัน แล้วใส่น้ำพริกแกง ผัดจนหอม
ต่อจากนั้น ใส่เนื้อไก่ลงผัดให้เข้ากับน้ำพริกแกงจนเนื้อไก่เกือบสุก
แล้วค่อยๆเติมกะทิลงในน้ำพริกที่ผัด ใส่กะทิมากหรือน้อยตามชอบค่ะ
เมื่อน้ำแกงเดือด จึงใส่ฟักทอง ฟักทองอาจจะสุกช้าสักนิด อย่าคนแรงนะคะ เดี๋ยวจะเละค่ะ
เมื่อฟักทองสุกจึงใส่เต้าหู้ค่ะ
ถ้าน้ำแกงข้นไปก็เติมกะทิหรือน้ำล้างก้นครกลงไปอีกค่ะ
น้ำล้างก้นครกคือ น้ำที่ใช้ล้างเศษน้ำพริกแกงติดอยู่ที่ก้นครก
หลังจากที่เราตักน้ำพริกแกงออกจากครกแล้ว โบราณท่านว่า จะทำให้แกงอร่อยค่ะ
จากนั้นเติมน้ำปลาและน้ำตาล ชิมรสตามใจชอบนะคะ
แต่ก่อนเติมน้ำปลา อย่าลืมว่าเราใส่เกลือลงในน้ำพริกแกงแล้ว
แกงครั้งนี้เสิร์ฟได้สองถ้วยใหญ่ เราจึงต้องแบ่งแกงออกเป็นสองส่วน
เพื่อใส่ผักลงในแกงที่จะทานทีละส่วน การใส่ผักค้างไว้จะไม่น่ารับประทานค่ะ
เมื่อตักแบ่งแกงใส่หม้อแล้วใส่พริกเขียว-แดง ใบมะกรูด และใบโหระพาค่ะ
เมื่อแกงเดือดแล้วปิดไฟ สังเกตว่า เต้าหู้และฟักทองไม่เละเลยนะคะ
เพราะเวลาที่เราคนและตักแกงต้องทำอย่างเบามือค่ะ
ได้ยินเสียงคุณชายถนัดเด็ด ตะโกนเบาๆ บอกว่าหิวๆๆๆแล้วค่ะ
ตักแกงใส่ถ้วยเสิร์ฟเลยก็แล้วกันนะคะ แหมรีบซะจนไม่ได้จัดถ้วยให้สวยงาม
เต้าหู้กับฟักทองคงจะร้อนนะคะ เลยลงไปนอนแช่น้ำแกงอยู่ที่ก้นถ้วยหมดเลยค่ะ
มีอาจาดแก้เลี่ยนก็ยิ่งอร่อยค่ะ
วิธีทำคือ ผสมน้ำส้มสายชู เกลือ และน้ำตาลทราย คนให้เข้ากัน
แล้วใส่แตงกวาหั่น พริกและหอมซอย คลุกเคล้าให้เข้ากันค่ะ
ที่จริงแกงถ้วยนี้ หน้าตาน่าทานมาก หอมฟุ้ง เหมาะสำหรับท่าน สว.นะคะ
เพราะเต้าหู้และฟักทองนิ่มเคี้ยวสบาย อกไก่ก็ไม่เหนียวค่ะ
รับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ หรือราดบนขนมจีนก็อร่อยมากนะคะ
เมื่อชิมแล้วชอบรสชาติ ถูกปากถูกใจ