ข้อเสนอพิเศษ ลองดู

Tuesday, 18 September 2012

แกงเผ็ดเต้าหู้ ฟักทอง อกไก่ -สูตรคุณหวานหวาน

แกงเผ็ดเต้าหู้ ฟักทอง อกไก่

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ พี่ๆ และน้องๆที่รัก
ใกล้วันสงกรานต์เข้ามาแล้วนะคะ อากาศที่เคยแปรปรวน
ก็กลับมาร้อนเหมือนเดิมแล้วค่ะ
คาดว่าปีนี้คงจะได้รดน้ำดำหัว กันอย่างสนุกสนานเต็มที่นะคะ
ช่วงบ่ายเมื่อวานนี้ หวานหวานออกไปทำธุระนอกบ้านหลายแห่งค่ะ
ไปโดนเปลวแดดแผดเผามา ผิวที่ดำๆอยู่แล้ว แทบจะไหม้เลยเชียว
แปลกนะคะร้อนอยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนเป็นหนาวแล้วกลับไปร้อนใหม่
ตอนเช้าร้อนอบอ้าวมาก พอค่ำๆฝนตกจั้กๆ แปรปรวนเหมือนสาววัยทองจริงๆค่ะ 

วันนี้มาชวนทำแกงเผ็ดเต้าหู้ ฟักทอง และอกไก่ ใส่ปิ่นโตไปวัดค่ะ
อาหารที่ไม่เหนียว เคี้ยวง่ายๆ คงจะทำให้พระภิกษุที่ชราภาพฉันได้สะดวกนะคะ
แล้วหวานหวานจะขอพรว่า หากได้เกิดอีกขอให้มีผิวสีจางกว่านี้ค่ะ ...เอิ๊กๆ!!

**เมื่อตะกี้โดนน้องอ๋อยแซวว่า จะแกงถวายพระ แต่ทำไมยกไปเสิร์ฟคุณชายที่บ้าน
เอ่อ..อันที่จริงคุณชายถนัดเด็ดของหวานหวานก็เป็นพระนะคะ พระเอกไงคะ...เอิ๊ก ๆ
ก็เลยต้องให้พระเอกลองชิมก่อน เพื่อความมั่นใจว่าอร่อยแน่ๆ
 เพราะเป็นสูตรที่เพิ่งจะคิดขึ้นมาใหม่ค่ะ**

 
หวานหวานชอบโขลกน้ำพริกแกงเองค่ะ เพราะจะได้น้ำพริกที่มีกลิ่นหอม
เนื่องจากเราใช้เครื่องปรุงสดๆ ตัดตะไคร้จากต้น ขุดข่าขึ้นมาจากดินใหม่ๆ
เครื่องปรุงน้ำพริกแกงเผ็ด มีดังนี้ค่ะ
พริกแห้ง ข่า ตะไคร้ ผิวมะกรูด หัวหอม กระเทียม รากผักชี พริกไทยดำ กะปิ เกลือ

 
เต้าหู้ อกไก่ ฟักทอง ใบโหระพา พริกชี้ฟ้าเขียว-แดง ใบมะกรูด
ถ้าหากใช้เต้าหู้ญี่ปุ่น (แต่ผลิตในไทย)จะอร่อยมากค่ะ

กะทิสดหรือกะทิกล่องก็ได้ค่ะ ถ้าเป็นสมัยโบราณ แบบภาพยนตร์เรื่องแม่เบี้ย
จะต้องใช้กระต่ายขูดมะพร้าว นึกถึงภาพน้องมะเหมี่ยวโชว์ลีลาขูดมะพร้าวนะคะ
ถ้าทำอย่างนั้น แกงหม้อนี้คงจะอร่อยอย่างมีเสน่ห์ขึ้นอีกมากมายหละค่ะ...เอิ๊กๆๆ


น้ำปลา น้ำตาล ใช้น้ำตาลปึกหรือน้ำตาลปี๊บ จะได้ความหอมเป็นของแถมค่ะ


หวานหวานชอบใช้ครกในการโขลกน้ำพริกแกงค่ะ เพราะจะได้กลิ่นหอม และดูขลังดีค่ะ
วันนี้เรามาโขลกน้ำพริกแกงให้เข้ากับจังหวะรำวงนะคะ สนุกดีค่ะ
เริ่มต้นจาก โขลกพริกไทยดำ ให้ละเอียด แล้วใส่พริกแห้ง เกลือป่น ข่า ตะไคร้
ผิวมะกรูด รากผักชี กระเทียม หัวหอม โขลกต่อให้ละเอียด ใส่กะปิเป็นลำดับสุดท้ายค่ะ

น้ำพริกที่โขลกใหม่ๆสีสวย หอมฟุ้ง อุดมไปด้วยสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อร่างกายค่ะ


น้ำพริกครกนี้ โขลกเผื่อเก็บเอาไว้ใช้คราวหน้าด้วยค่ะ
แกงหม้อนี้ตักแบ่งมาใช้แค่ครึ่งเดียวนะคะ ที่เหลือตักใส่ขวดแช่เย็นไว้ค่ะ


ลงมือแกงกันเลยนะคะ โดยใส่หัวกะทิในกระทะ ใช้ไฟปานกลาง
เคี่ยวจนกะทิแตกมัน แล้วใส่น้ำพริกแกง ผัดจนหอม


ต่อจากนั้น ใส่เนื้อไก่ลงผัดให้เข้ากับน้ำพริกแกงจนเนื้อไก่เกือบสุก


แล้วค่อยๆเติมกะทิลงในน้ำพริกที่ผัด ใส่กะทิมากหรือน้อยตามชอบค่ะ


เมื่อน้ำแกงเดือด จึงใส่ฟักทอง ฟักทองอาจจะสุกช้าสักนิด อย่าคนแรงนะคะ เดี๋ยวจะเละค่ะ


เมื่อฟักทองสุกจึงใส่เต้าหู้ค่ะ


ถ้าน้ำแกงข้นไปก็เติมกะทิหรือน้ำล้างก้นครกลงไปอีกค่ะ
น้ำล้างก้นครกคือ น้ำที่ใช้ล้างเศษน้ำพริกแกงติดอยู่ที่ก้นครก
หลังจากที่เราตักน้ำพริกแกงออกจากครกแล้ว โบราณท่านว่า จะทำให้แกงอร่อยค่ะ
จากนั้นเติมน้ำปลาและน้ำตาล ชิมรสตามใจชอบนะคะ
แต่ก่อนเติมน้ำปลา อย่าลืมว่าเราใส่เกลือลงในน้ำพริกแกงแล้ว


แกงครั้งนี้เสิร์ฟได้สองถ้วยใหญ่ เราจึงต้องแบ่งแกงออกเป็นสองส่วน
เพื่อใส่ผักลงในแกงที่จะทานทีละส่วน การใส่ผักค้างไว้จะไม่น่ารับประทานค่ะ
เมื่อตักแบ่งแกงใส่หม้อแล้วใส่พริกเขียว-แดง ใบมะกรูด และใบโหระพาค่ะ


เมื่อแกงเดือดแล้วปิดไฟ สังเกตว่า เต้าหู้และฟักทองไม่เละเลยนะคะ
เพราะเวลาที่เราคนและตักแกงต้องทำอย่างเบามือค่ะ


ได้ยินเสียงคุณชายถนัดเด็ด ตะโกนเบาๆ บอกว่าหิวๆๆๆแล้วค่ะ
ตักแกงใส่ถ้วยเสิร์ฟเลยก็แล้วกันนะคะ แหมรีบซะจนไม่ได้จัดถ้วยให้สวยงาม
เต้าหู้กับฟักทองคงจะร้อนนะคะ เลยลงไปนอนแช่น้ำแกงอยู่ที่ก้นถ้วยหมดเลยค่ะ


มีอาจาดแก้เลี่ยนก็ยิ่งอร่อยค่ะ
วิธีทำคือ ผสมน้ำส้มสายชู เกลือ และน้ำตาลทราย คนให้เข้ากัน
แล้วใส่แตงกวาหั่น พริกและหอมซอย คลุกเคล้าให้เข้ากันค่ะ


ที่จริงแกงถ้วยนี้ หน้าตาน่าทานมาก หอมฟุ้ง เหมาะสำหรับท่าน สว.นะคะ
เพราะเต้าหู้และฟักทองนิ่มเคี้ยวสบาย อกไก่ก็ไม่เหนียวค่ะ
รับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ หรือราดบนขนมจีนก็อร่อยมากนะคะ
เมื่อชิมแล้วชอบรสชาติ ถูกปากถูกใจ



ขอบคุณ : http://www.oknation.net




read more

Wednesday, 12 September 2012

ขนมจีนปากพนัง..อร่อยจังฮู้


ขนมจีนเป็นอาหารชาวมอญ ตำนานหลายคนบอกว่ามาทางตอนใต้ของประเทศพม่า และทะลักเข้ามาในประเทศไทยตั้งนมนานมาแล้ว แต่ทำไมจึงเรียกขนมจีนทั้งๆที่ประวัติอย่างยาวนานของขนมจีนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนจีนแตอย่างใด

และโดยทั่วไปก็ไม่ค่อยเห็นคนจีนขายขนมจีน...มันคือขนมจีนที่เรารู้จักกันมานาน แต่เชื่อว่าขนมจีนที่มีอยู่ทุกภาคและทุกจังหวัดของประเทศไทยและเรียกแตกต่างกันออกไป บางอำเภอของจังหวัดทางภาคอีสานยังมีชื่อเรียกที่เป็นขนมจีน " กุดข้าวปุ้น " คือชื่ออำเภอหนึ่งในจังหวัดยโสธร( หรือเปล่า )ที่ถูกตั้งให้เป็นเกียรติแก่ขนมจีน.......

มาว่าเรื่องขนมจีน ก็มีหลายแห่ง หลายที่ หลากหลาย ความอร่อยก็อยู่ที่ความคุ้นเคยในรสชาติส่วนหนึ่ง กับอีกหลายที่ ที่ผมไปสัมผัสมา ได้นำเอาการตลาดนำหน้าขนมจีน คือเอาดาราคนดังมากินขนมจีนที่ร้าน แล้วนำภาพมาติดไว้ที่ฝาผนัง แล้วผู้คนก็ไปกินขนมจีนตามดารา บางร้านผมว่ามันไม่เข้าท่าเอาเสียเลย แต่คนไปกินติดหรูขอตามหลังดาราเป็นอันเข้าขั้น ก็แค่นั้นเอง...

ร้านขนมจีนเล็กๆ ไม่มีชื่อที่คิวรถตู้ปากพนัง - นครศรีธรรมราช คือร้านหนึ่งที่ไม่มีดาราไปกินก่อนหน้า..แต่รสชาติ ผมว่าใช้ได้


ปากพนังวันนี้ สงบดี รถราไม่ติดให้เวียนหัว

เรือข้ามฟาก ๑ บาทขาดตัว

บนเรือข้ามฟากปากพนังที่เงียบสงบ

เส้นนุ่มน่าทาน ไร้สารกันบูด..ครับช่างป๋อง

น้ำแกงเดียว เผ็ดกำลังดี


 
              ผักเหนาะ ( ผักกินแกล้วกับข้าว หรือขนมจีน ) มีหลากหลาย ผมชอบผักใบมากกว่า ยอดมันปู , ผักชีล้อม ,โหระพา , ใบแมงลัก ส่วนผักดองก็มี แตงกวา กับมะขือ เเละถั่วฝักยาว ที่ขาดไม่ได้ในร้านขนมจีนปักษ์ใต้


นี่เลย..ลูกฉิ่ง




กับอีกลูกจากดอง กินกับขนมจีน..ที่เดียว ปากพนังเท่านั้น แม้ทุกจังหวัดของประเทศไทยมีขนมจีนกันถ้วนหน้าแต่ก็ใช่ว่ารสชาติจะเหมือนกัน มันคงไปตามพื้นเพของพื้นถิ่น อย่างปักษ์ใต้น้ำแกงเผ็ดได้ที่ ภาคเหนือขนมจีนน้ำเงี้ยว ไม่เน้นเผ็ด เอามันเข้าว่าเพราะอากาศหนาว..ก้แล้วแต่ชอบและพิจารณา ..ขอบคุณขนมจีน อาหารสำรองของคนไทย ที่มีมาช้านาน..สวัสดี



ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.oknation.net


read more

ขนมจีน ทำอย่างไวใน 15 นาที - อร่อยไม่ไร้น้ำยา

ขนมจีน อาหารพื้นบ้านของคนมอญ มีที่มาจากคำว่า "คนอมจิน" ซึ่งคำว่า "คนอม" แปลว่า ม้วนหรือพัน และ "จิน" แปลว่า ต้ม ภายหลังเป็นที่นิยม จึงเรียกเพี้ยนเป็น "ขนมจีน" ซึ่งถือเป็นอาหารพื้นบ้านตั้งแต่โบราณและเป็นที่ชื่นชอบของคนทุกภาคในประเทศไทยจนถึงปัจจุบัน ขอเอาใจคนรักเส้นและชอบรสเผ็ดด้วยขนมจีนน้ำยา 2 สูตร ทั้งน้ำยาปักษ์ใต้แบบใส่กะทิและน้ำยาป่าแบบไม่ใส่กะทิ ให้เลือกปรุงกันได้ตามใจ (อยาก) และยังคงคอนเซ็ปต์เดิมคือ ทำด่วน อร่อยเร็วภายใน 15 นาที

ขนมจีนน้ำยาป่า
ส่วนผสม (สำหรับ 3 ที่)เตรียม 5 นาที ปรุง 7 นาทีปลาทูนึ่งแกะเอาแต่เนื้อ 2 ถ้วย

  1. ต้นหอมหั่นท่อน ¼ ถ้วย
  2. ผักชีลาวหั่นท่อน ¼ ถ้วย
  3. ใบมะกรูดฉีกเป็นใบ 5 ใบ
  4. พริกแห้ง 10 เม็ด
  5. กระเทียม 3 ช้อนโต๊ะ
  6. หอมเล็ก 3 ช้อนโต๊ะ
  7. ตะไคร้ซอย 2 ช้อนโต๊ะ
  8. ข่าซอย 2 ช้อนโต๊ะ
  9. กระชายหั่นท่อน ½ ถ้วย
  10. รากผักชีซอย 1 ช้อนโต๊ะ
  11. น้ำปลาร้า ¼ ถ้วย
  12. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  13. เกลือ 1 ช้อนชา
  14. น้ำเปล่า 4 ถ้วย
  15. ขนมจีน 3 จับ


ผักสดตามชอบ ถั่วงอก ถั่วฝักยาว ใบแมงลัก ใบสะระแหน่ ผักชีลาว ผักกาดดอง กะหล่ำปลีซอยตามชอบ

วิธีทำ
1. ตั้งน้ำให้เดือด ใส่พริกแห้ง กระเทียมหอมเล็ก ตะไคร้ ข่า กระชาย และเนื้อปลาลงต้มจนสุก ตักขึ้น

2. ใส่รากผักชีและส่วนผสมที่ต้มแล้วลงในเครื่องปั่นพอหยาบ จากนั้นใส่น้ำลงปั่นทีละน้อยจนหมด
ปั่นจนส่วนผสมทั้งหมดให้ละเอียดเข้ากันดี จึงเทใส่ลงในหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟ ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า 
น้ำปลา เกลือรอจนเดือดอีกครั้ง ใส่ต้นหอม ผักชีลาวและใบมะกรูด ปิดไฟ ยกลง

3. ตักน้ำยาร้อนๆ ราดบนขนมจีน รับประทานคู่กับผักและพริกแห้งทอด
ข้าวปุ้นน้ำยาป่าอีสานสูตรนี้เลือกใช้ปลาทูนึ่ง เพราะจะได้ไม่เสียเวลาในการต้มนาน และเนื้อปลาทูก็
เนียนละเอียดชวนกิน ใส่สมุนไพรเต็มที่รสเผ็ดแซบถึงใจ โรยหน้าด้วยต้นหอมกับผักชีลาวสักหน่อย ก็ส่ง
กลิ่นหอมยั่วน้ำลายหลายๆ เด้อ-อ-อ...

Tips
• ใช้เนื้อปลาชนิดอื่น เช่น ปลาข้างเหลือง ปลาทูน่ากระป๋องในน้ำเกลือหรือ
น้ำแร่แทนก็ได้

• เพื่อความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ให้ซื้อปลานิลย่าง ปลาทับทิมย่างเกลือจากตลาด 
แล้วแกะเอาแต่เนื้อ ปั่นได้ทันที

• น้ำยาป่าสูตรนี้ใส่หนังปลาทูลงไปด้วย จึงมีเกล็ดปลาสีเงินบางๆ ลอยบนน้ำยา 
หากไม่ชอบให้ลอกหนังออกก่อน

พลังงานต่อหนึ่งหน่วยบริโภค 292.99 กิโลแคลอรีโปรตีน 24.68 กรัม ไขมัน 5.74 กรัมคาร์โบไฮเดรต 31.13 กรัม ไฟเบอร์ 1.33 กรัม

ความอร่อยของน้ำยาใต้อยู่ที่การเลือกปลาสดๆ มานึ่งแล้วแกะเอาแต่เนื้อมาโขลกกับพริกแกง 
ทว่าสูตรนี้ได้ปรับวิธีปรุงให้เร็วขึ้น โดยแล่เอาแต่เนื้อมาต้มกับส่วนผสมของพริกแกง
แล้วนำไปปั่นกับกะทิจนได้น้ำยาสีเหลืองจากขมิ้น รสเผ็ดๆ เค็มๆ กินคู่กับผักเหนาะ
และไข่ต้มได้หรอยจังฮู้






ขนมจีนน้ำยาปักษ์ใต้
ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่)เตรียม 5 นาที ปรุง 10 นาทีเนื้อปลาแดง 2 ตัว

  1. หัวกะทิ 4 ถ้วย
  2. พริกชี้ฟ้าแห้งกรีดเมล็ดออกหั่นท่อน 7 เม็ด
  3. ขมิ้นสดปอกเปลือกซอย ¼ ถ้วย
  4. กระเทียม 3 ช้อนโต๊ะ
  5. หอมเล็ก 3 ช้อนโต๊ะ
  6. ตะไคร้ซอย 2 ช้อนโต๊ะ
  7. ข่าซอย 2 ช้อนโต๊ะ
  8. ผิวมะกรูดซอย 1 ลูก
  9. รากผักชีซอย 1 ช้อนโต๊ะ
  10. เม็ดพริกไทยขาว 1 ช้อนชา
  11. กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
  12. ใบมะกรูดซอย 1 ช้อนชา
  13. เกลือ 1 ช้อนชา
  14. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  15. น้ำเปล่า 2 ถ้วย
  16. ขนมจีน 2 จับ

ผักสดตามชอบ ถั่วงอก ถั่วฝักยาว ผักกาดดอง กะหล่ำปลีซอย แตงกวา 
เมล็ดกระถินแถมด้วยไข่เป็ดต้ม

วิธีทำ
1. ต้มน้ำให้เดือด ใส่พริกชี้ฟ้า ขมิ้น กระเทียมหอมเล็ก ตะไคร้ ข่า และเนื้อปลาลงต้มจนสุก 
ตักขึ้น พักไว้

2. ใส่ผิวมะกรูด รากผักชี เม็ดพริกไทย กะปิและส่วนผสมที่ต้มแล้วลงในเครื่องปั่นพอหยาบ
จากนั้นใส่กะทิลงปั่นทีละน้อยจนหมด ปั่นจนส่วนผสมทั้งหมดละเอียดเข้ากันดี จึงเทใส่ลงในหม้อ 
ยกขึ้นตั้งไฟ ปรุงรสด้วยเกลือน้ำปลา รอจนเดือดอีกครั้ง ปิดไฟ ยกลง

3. ตักน้ำยาร้อนๆ ราดบนขนมจีน รับประทานคู่กับไข่เป็ดต้มและผักตามชอบ

Tips
• แล่เอาแต่เนื้อปลาไปต้ม จะเร็วกว่าต้มทั้งชิ้นแล้วค่อยแกะเอาก้างออก กระดูกปลาที่เหลือเก็บไว้ต้มน้ำสต๊อกได

• ใช้เนื้อปลาชนิดอื่น เช่น ปลาทู ปลาข้างเหลือง หรือปลาทูน่ากระป๋องในน้ำเกลือหรือน้ำแร่แทนได้

• สามารถใส่ส้มแขกหรือกระท้อนลงในน้ำยาเล็กน้อยเพื่อให้มีรสเปรี้ยว 
พลังงานต่อหนึ่งหน่วยบริโภค 1,156.14 กิโลแคลอรีโปรตีน 33.71 กรัม ไขมัน 96.84 กรัมคาร์โบไฮเดรต 53.28 กรัม ไฟเบอร์ 1.11 กรัม

พลังงานต่อหนึ่งหน่วยบริโภค 1,156.14 กิโลแคลอรีโปรตีน 33.71 กรัม ไขมัน 96.84 กรัมคาร์โบไฮเดรต 53.28 กรัม ไฟเบอร์ 1.11 กรัม



QUICK & DELICIOUS
เรื่อง : กัญญา เทพทวีพิทักษ์ 
ภาพ : จิรวัฒน์ มหาทรัพย์ถาวร

ที่มา : http://women.sanook.com



read more

Saturday, 8 September 2012

เพลงขนมจีน - รุ่งเพชร แหลมสิงห์(ขนมจีนแม่วัลลา คู่กับน้ำยาพระอภัย)

ผมขอยอมรับตรงๆว่า เกิดไม่ทัน ฟังเพลงสมัยคุณรุ่งเพชร แหลมสิงห์ เกิดมาก็ K-OTIC Z(555 โกงอายุชัดๆ) เดี๋ยวนี้มีแต่เพลงรัก เพลงออกหัก เพลงฟังแล้วสองแง่สองง่าม ไม่ค่อยมีเพลงบอกถึงประวัติศาสตร์ อย่างเพลงลูกกรุงสมัยก่อน





ดูคลิปเพลงด้านล่างนี้นะครับ 

บังเอิญไปเจอเพลงนี้ จากการค้นหาใน google ครับท่าน

มาดูเนื้อเพลงกันครับ


ขนมจีนแม่วัลลา
คู่กับน้ำยาพระอภัย ถั่วงอกเสาวคนธ์
คู่กับพริกป่นหัสชัย ครรชิตคู่เพชรา
แต่พี่ยังหาคู่ไม่ได้ แม่สาวบ้านนา
นัยน์ตาหวาน ได้โปรดสงสาร
พี่หน่อยเป็นไร 
พี่เบื่อกรุงเทพหนักหนา
เช้าตื่นขึ้นมา โอ้ยเดินขวักไขว่
อยู่สี่พระยาย่ำมาบางลำพู อยู่บางปูย่ำมาพระยาไท
ย่ำจากกรุงเทพไปทุ่งเศรษฐี โอ้ย!เจอสาวที่นี่เลยติดใจ

พี่เบื่อกรุงเทพเต็มทน พี่เบื่อรถยนต์
เหมือนยุงฝูงใหญ่ เบื่อบังกาโลว์ตึกโตระฟ้า
เบื่อเที่ยวบาร์ ไนท์คลับประดับไฟ
พี่เบื่อถนนมันแคบน่าคิด โอ้ย!รถราก็ติดทั่วไป

พี่อยากมาอยู่บ้านนา ฟังเสียงนกกา
สายลมยอดไผ่ ฝากชีวีพี่ไว้ที่แม่โฉมฉิน
เหลือบยุงริ้น พี่จะคอยปัดไป
พี่ช่วยตักน้ำตำข้าวให้น้อง โอ้ย!แขนพี่จะป้องคู้มภัย

พี่อยากมาทำนาดู เลี้ยงเป็ดหอยปู
เลี้ยงหมูเลี้ยงไก่ เสร็จจากทำนา
ขายค้าลองทำ หมักแป้งทำขนมจีน
ขายเรื่อยไป พี่ก็ขยันหมั่นอย่างนี้
โอ้ย!ก็เป็นเศรษฐีขึ้นไว 


ขนมจีนแม่วัลลา คู่กับน้ำยาพระอภัย
ถั่วงอกเสาวคนธ์ คู่กับพริกป่นหัสชัย
ครรชิตคู่เพชรา แต่พี่ยังหาคู่ไม่ได้
แม่สาวบ้านนา นัยน์ตาหวาน
ได้โปรดสงสาร พี่หน่อยเป็นไร 

 

 ---------------------------------------------------------------------

read more

Tuesday, 4 September 2012

ขนมจีน บูด...(โฟล์คเหน่อ ไดอารี่)

เลือกเอาช่วงเวลาหลังบ่าย วันฟ้าใส คว้ามอเตอร์ไซด์คันเก่า สวมหมวกกันน็อค 
ออกจากหมู่บ้านบึ่งขึ้นเส้นทางเลี่ยงเมือง
ฝนตกต่อเนื่องมาหลายวันถึงไม่มากปริมาณนัก แต่ก็พอให้ชาวนาได้ ไถหว่านทำนา
ข้าวแตกหน่อ กำลังเปลี่ยนระบายสีริมสองข้างให้กลายเป็นพรมผืนเขียวอ่อน
ชาวนากำลังสาละวนอยู่กับเครื่องฉีดพ่นสารพัดสารเคมีเพื่อภารกิจการฆ่าและป้องกัน...
ชาวนาถูกโฆษกเสียงหวานจากวิทยุชมชนปลุกระดมให้เชื่อว่า หญ้าหนึ่งต้นในแปลงนา
ควรถูกตีค่าว่าเป็นศัตรูข้าว ที่ต้องกำจัด ด้วยผลิตภัณท์สารเคมีเกษตรที่เขาเป็นตัวแทนจำหน่าย

ผ่านนาบางแปลงกลิ่นฉุนสารเคมีจากละอองฉีดพ่น เหม็นโชยเข้ามาในหมวกกันน็อค
จนต้องเร่งเครื่องหนี
 
ต้นไม้สองข้างทาง ของถนนสายไหว้พระ ๙ วัด เลียบริมฝั่งแม่น้ำสุพรรณฯ 
เขียวร่มรื่นรับกับเนียนแดดใส ของบ่าย ๓ โมง
จอดแผงร้านเล็ก ๆ น่ารัก ริมทาง



หน้าร้านเขียนป้ายลายมือด้วยสีขาวบนแผ่นกระดานไม้ ตัวหนังสือออกโย้เย้
แต่ก็อ่านได้ใจความว่า “ขนมจีนไร้สารกันบูด น้ำยาปลาช่อนแม่น้ำ”
ถ้าไม่มีคำว่า “ไร้สารกันบูด” ผมคงไม่จอด
คุณจะรู้สึกดีเหมือนผมมั๊ย ถ้าเราจะมีสักช่วงเวลาหนึ่ง เสาะหาอาหารดี ๆ
ไม่มีสารพิษเปื้อนปนให้กับร่างกายของเราบ้าง แม้มันจะดูยากสักหน่อย
กับความจริงในสภาพแวดล้อม อย่างบ้านเรา  ทุกวันนี้

วันนี้ผมรู้สึกดี ๆ กับขนมจีนไร้สารกันบูด ผสมน้ำยาปลาช่อนแม่น้ำ
แต่ผมไม่มีเวลานั่งกินที่ร้านแผงลอยริมทางนี่หรอก
ผมจะขอใช้เวลาวันอาทิตย์ขี่มอเตอร์ไซด์ กินลม ชมวิว
หาแรงบันดาลใจแบบศิลปินนักแต่งเพลงของผมไปเรื่อย

  
สั่งขนมจีนน้ำยาใส่ถุงสองชุด วางไว้ในตะกร้าหน้ารถมอเตอร์ไซด์
เพื่อเอาไปกินที่บ้านเป็นมื้อค่ำของศิลปินวันนี้..
 
กินลมชมวิว เข้าโน่น ออกนี่ แวะนั่น คุยโน่น จนมืดค่ำ
ขี่มอเตอร์ไซด์กลับเข้าบ้านหิวจนตาลาย แกะถุงขนมจีนไร้สารกันบูดใส่จาน
เทน้ำยาปลาช่อนแม่น้ำเข้มข้นตามลงไป กลิ่นกระชายหอมฉุย
น้ำยาข้นยุ่ยเนื้อปลาเป็นแพจับบนขนมจีน  ใช้ช้อนคนผสมให้เข้ากัน
น้ำปลาเหยาะนิด ขยุ้มถั่วงอก พร้อมหอมห้วงของใบแมงลัก
ใช้ช้อนตัดเส้นขนมจีนให้สั้นพอดีคำ  ค่อย ๆ บรรจงเชยช้อนป้อนคำแรกใส่ปากอย่างระมัดระวัง
กลัวเส้นส่วนเกินที่ห้อยโยงระยาง ช่วงชิงจังหวะบางเสี้ยววินาทีดิ้นตีพงหนวด

และทันทีที่ลิ้นสัมผัส รสชาติ เต็มอุ้มคำขณะบดเคี้ยว...
ผมนอนแผ่หรา หมดแรง กับพื้นบ้าน หลังบ้วนคายขนมจีนคำแรกทิ้ง
แล้วบ้วนน้ำไล่อีกหลายครั้ง รู้สึกผิดหวัง และหิวมาก ๆ
เหลือบชำเลืองมองจานที่ยังพูนด้วยขนมจีนน้ำยาพร้อมกลิ่นหอมกระชายโชยเคล้าใบแมงลัก
“แมร่ง!! บูด แกบูดแล้วรู้ตัวมั๊ย? ขนมจีน”
ผมหันไปพูดกับขนมจีนไร้สารกันบูดเสมือนคนบ้า....




โฟล์คเหน่อ | เรื่อง
อินเตอร์เน็ต | ภาพ

ที่มา : http://www.oknation.net

read more