ข้อเสนอพิเศษ ลองดู

Sunday 26 May 2013

ไปกินขาหมูหมั่นโถว เมนูเด็ดที่ต้องกินร้านประนอม



ประนอม ร้านอาหารบรรยากาศสบายๆ ตัวร้านเปิดโล่งแบบโอเพ่นแอร์ โต๊ะเป็นไม้แต่เก้าอี้ที่นั่งเป็นพลาสติกสีสันสดใส มีพัดลมติดเพดานช่วยระบายความร้อน เน้นการบริการที่เป็นกันเองมากกว่า เมนูขึ้นชื่อของร้านที่แนะนำเป็นเมนูแรกคือ ขาหมูหมั่นโถว พิเศษตรงที่เป็นขาหมูไร้มัน เลือกเฉพาะขาหน้า นำไปทอดก่อนต้มเพื่อไล่น้ำมันออก แล้วจึงนำมาต้มกับเครื่องพะโล้จนเนื้อหนังนุ่มเบา เสิร์ฟมาขณะร้อนๆ ได้กินหมั่นโถวร้อนๆ จิ้มกับขาหมูอร่อยไม่พอ ต้องต่อด้วย "เต้าหู้ทรงเครื่อง" เสิร์ฟมาพร้อมกับเต้าหู้หลอดทอดเนื้อนุ่มอร่อย ผัดเคล้ากับปลาหมึก กุ้ง ไก่ เห็ดหอม ต้นหอม ข้าวโพดอ่อนและแครอท น้ำผัดข้นเหนียว รสเค็มหวานกลมกล่อม "แกงเลียงกุ้ง" เสิร์ฟมาในหม้อดินเผา น้ำแกงรสเข้มข้นกลมกล่อม หวานน้ำผักที่มีทั้งบวบ ฟักทอง ข้าวโพดอ่อน ผักหวาน เห็ดฟาง เสริมรสเผ็ดด้วยพริกไทยอร่อยอย่าบอกใครเชียว









เมนูแนะนำ :
ขาหมูหมั่นโถว, ตำถั่วหมูกรอบ, ยำสมุนไพร, ผัดผักหวาน, ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม, เต้าหู้ทรงเครื่อง, ต้มจืดลูกรอก, แกงคั่วหอยขม, ปลาเนื้ออ่อนราดพริก, ฉู่ฉี่ปลาแดง, ไก่อบอ้อย, ปลาตะเพียนต้มเค็ม
ที่อยู่ :
ดูแผนที่
232 หมู่1 ถนนสุวรรณศร ตำบลเกาะหวาย อำเภอปากพลี นครนายก 26130

เบอร์โทรติดต่อ
037399550 , 0819074358
เบอร์แฟกซ์ : 037398799

ใช้ถนนเส้นรังสิตหรือถนนเส้นหินกอง มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองนครนายก จนถึงสี่แยกตรงกลางเมือง เลยโรงพยาบาลนครนายกไปเล็กน้อย จะเจอสามแยกให้เลี้ยวขวาเข้าถนนสุวรรณศร (นครนายก-ปราจีนบุรี) ตรงไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตร จะเห็นร้านอาหารประนอม ตั้งอยู่ริมถนนฝั่งซ้ายมือก่อนถึงทางเข้าวัดเกาะหวาย ตรงข้ามกับร้านคอฟฟี่เหน่ง





หากใครมีโอกาสแวะไปแถวนครนายก ไม่ควรพลาดร้านประนอม ป้ายหน้าร้านโชว์ว่า "ขาหมูหมั่นโถว" มันคือเมนูดังที่ใครผ่านไปมาก็ต้องแวะซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน จนกลายเป็นของฝากอันเลื่องชื่อของปากพล

ขอบคุณข้อมูลจาก
http://eat.edtguide.com/62570_Pranom-ประนอม-สุวรรณศรี-ปากพลี-นครนายก-ร้านอาหาร




read more

Tuesday 14 May 2013

"ขนมจีนทอดมันปลา" อิ่มอร่อยแบบพื้นบ้าน


ขนมจีนน้ำยาป่า แกล้มด้วยผักแนม และทอดมันปลา

ถ้าพูดถึง “ขนมจีน” คงพูดได้อย่างเต็มปากว่า.. แทบจะไม่มีคนไทยคนไหน ไม่รู้จักก็ว่าได้
     
“ขนมจีน” เป็นอาหารชนิดหนึ่งที่ทำขึ้นมาจาก

แป้ง โดยผ่านกรรมวิธีต่างๆ ทั้งนึ่งทั้งต้ม จนกลายมาเป็นเส้นกลมๆ สีขาว เหนียวนุ่ม สามารถกินคู่กับน้ำยาต่างๆมากมาย
     
ส่วนการกินขนมจีนนั้นหลักๆก็จะกินกับ น้ำพริก น้ำยา น้ำยาป่า แต่ในแต่ละภาคของเมืองไทย ก็จะกินขนมจีนที่แตกต่างกันออกไป โดยภาคใต้มักจะกินขนมจีนกับแกงไตปลา ภาคเหนือก็จะเป็นขนมจีนน้ำเงี้ยว เป็นต้น หรือถ้าใครไม่ชอบกินน้ำยา จะกินเส้นขนมจีน เหยาะน้ำปลาลงไปหน่อยๆ ก็อร่อยเหมือนกัน


ขนมจีนน้ำพริกกินคู่กับทอดมันปลา


ในแถบจังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ มักนิยมกินขนมจีนคู่กับทอดมัน คนเพชรบุรีบางคนมักนิยมกินเส้นขนมจีนราดคู่กับทอดมันปลา แล้วราดด้วยน้ำจิ้มทอดมันแทนน้ำยาไปเลย ส่วนทางจังหวัดประจวบฯ มักกินขนมจีนราดด้วยน้ำยาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น น้ำพริก น้ำยา แนมด้วยผักต่างๆ และกินคู่กับทอดมันปลาร้อนๆ ราดด้วยน้ำจิ้มรสหวานอมเปรี้ยว และเผ็ดนิดๆ ถือเป็นอาหารพื้นบ้านอย่างหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนภูมิภาคอื่นๆ























หากใครที่ชื่นชอบขนมจีน หรืออยากจะลองกินขนมจีนในแบบใหม่ๆ ดูบ้าง ก็สามารถไปลองซื้อ-หามากินกันได้ เพียงแค่มีเส้นขนมจีน และน้ำยาในแบบที่ชอบ กินคู่กับทอดมันปลาร้อนๆ ราดน้ำจิ้ม ก็สามารถอร่อยในแบบใหม่ๆ กันได้อีกด้วย หรือจะลองไปกินถึงถิ่นที่จังหวัดเพชรบุรี ประจวบฯ หรือแถบทางใต้ ก็ยิ่งได้รสชาติขึ้นไปอีก




read more

Wednesday 8 May 2013

แกงเขียวหวานไก่ อาหารไทยที่คุ้นเคย


แกงเขียวหวาน อาหารพื้นบ้านของไทยยอดนิยมอีก ทั้งเอามาทานกับข้าว หรือเอามาราดขนมจีน เป็นที่นิยมของคนทั่วไป โดยแกงเขียวหวานนั้น เราสามารถทำได้ทั้ง แกงเขียวหวานหมู แกงเขียวหวานเนื้อ แกงเขียวหวานไก่ และอื่นๆ ตามความเหมาะสม ในบทความนี้ผมจะมาแนะนำไปที่แกงเขียวหวานไก่ครับ เมนูยอดนิยมเมนูหนึ่งของคนไทยเลย เนื่องจากว่าเนื้อไก่เป็นเนื้อยอดนิยมอันดับต้นๆ ของไทยก็ว่าได้ หาซื้อง่าย ราคาไม่แพง แถมรสชาติก็อร่อย มาดูกันเลยดีกว่าว่าขั้นตอนวิธีการทำและส่วนผสมที่ใช้สำหรับทำแกงเขียวหวานไก่ จะมีอะไรบ้าง ตามด้านล่างเลยครับ



ส่วนผสม แกงเขียวหวานไก่

  1. เนื้อไก่
  2. ใบโหระพาไทย
  3. หัวกะทิ
  4. พริกแกงเขียวหวาน
  5. น้ำมันพืช
  6. มะเขือเปาะ
  7. พริกชี้ฟ้าแดง







วิธีทำแกงเขียวหวานไก่

  1. เริ่มต้นจากการใส่น้ำมันพืชในหม้อที่เราเตรียมเอาไว้
  2. ใส่พริกแกงเขียวหวานลงไป คลุกให้ทั่ว ผัดจนได้กลิ่นหอมพริกแกงออกมา ไม่เช่นนั้นพริกแกงจะขม
  3. ใส่กะทิลงไปทีละน้อยๆ เสร็จแล้วคนให้ทั่วให้มีการแตกมันออกมา และเร่งไฟให้แรงขึ้น รอจนกว่าจะเดือด
  4. ใส่เนื้อไก่ลงไป ให้เนื้อไก่ลงไปในน้ำแกงเขียวหวานจนทั่ว รอจนกว่าไก่จะสุก
  5. ใส่มะเขือเปาะ และใบโหระพาส่วนหนึ่งลงไป
  6. เทลงชามที่เตรียมเอาไว้ และราดหัวกะทิ พริกชี้ฟ้าแดง ใบโหระพามาแต่งหน้าแกงจนสวย พร้อมเสริฟ

read more

ต้มข่าไก่ หอมกลิ่นข่า มาโชยๆ


ต้มข่าไก่ เป็นเมนูต้มยำอีกแบบหนึ่ง แต่ต้มข่าไก่ต่างกับต้มยำเพียงแค่ใส่กะทิเพิ่มลงไปเท่านั้นเอง อีกทั้งยังทำได้ง่าย และมีรสชาติเข้มข้นน่ากิน วันนี้เราเลยมาบอกสูตรการทำต้มข่าไก่ให้ท่านผู้อ่านได้ลองทำกันดูครับ รับรองว่าทำง่าย และอร่อยแน่นอน



ส่วนผสม ต้มข่าไก่

  1. เนื้อไก่ 500 กรัม
  2. กะทิ 1000 กรัม
  3. เห็ดนางรม / เห็ดนางฟ้า 200 กรัม
  4. ข่าอ่อน 50 กรัม
  5. ข่าทุบ 25 กรัม
  6. ตะไคร้ทุบ 100 กรัม
  7. ใบมะกรูด 3 กรัม
  8. รากผักชี 37 กรัม
  9. เกลือ 10 กรัม
  10. น้ำมะนาว 50 กรัม
  11. น้ำปลา 50 กรัม
  12. ใบผักชี 5 กรัม








วิธีปรุง/ทำ ต้มข่าไก่

  1. หั่นไก่เป็นชิ้นพอดีคำ และให้สวยงาม
  2. นำข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด รากผักชี ที่ทุบแล้วใส่หม้อ เติมกะทิตั้งไฟจนมีกลิ่นหอมแล้วจึงใส่เนื้อไก่เคี่ยวด้วยไฟอ่อนจนเนื้อไก่สุก
  3. เิติมกะทิที่เหลือจนหมด ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำปลา พริกขี้หนู เห็ดฟางปิดไฟแล้วจึงใส่น้ำมะนาวโรยใบผักชี จากนั้นตักใส่ถ้วยเป็นอันเสร็จเรียบร้อยครับ

read more

ไข่เจียวหอยนางรม บำรุงกำลังดีแท้


ไข่เจียวหอยนางรมเมนูอาหารง่ายๆที่ทุกคนสามารถทำรับประทานได้ที่บ้าน ข้างไข่เจียวถือว่าเป็นเมนูอาหารพื้นฐานเริ่มแรกที่คนที่เริ่มทำอาหารส่วนใหญ่เริ่มหัดทำ เพราะเป็นอาหารที่ทำได้ง่ายๆ มีขั้นตอนและวิธีการทำงานได้ไม่ยาก อีกทั้งเรื่องของส่วนผสมและวิธีการทำนั้นก็ง่ายแสนง่าย ซึ่งใครที่อยากทราบว่าส่วนผสมและขั้นตอนการทำไข่เจียวหอยนางรมมีอะไรบ้างต้องคอยติดตากันต่อไปค่ะ



ส่วนผสม ไข่เจียวหอยนางรม

  1. หอยนางรมสดจำนวน 100 กรัม
  2. ไข่ไก่จำนวน 3 ฟอง
  3. ต้นหอมจำนวน 1 ต้น
  4. ผักชีเด็ดเป็นช่อจำนวน 1 ต้น
  5. พริกไทยป่นจำนวน ½ ช้อนชา
  6. เกลือป่นจำนวน ¼ ช้อนชา
  7. น้ำมันพืชสำหรับทอดจำนวน ½ ถ้วย
  8. ซอสพริกยี่ห้อที่คุณชื่นชอบจำนวน 1 ถ้วยเล็ก






วิธีทำไข่เจียวหอยนางรม

  1. นำหอยนางรมที่เตรียมไว้มาล้างน้ำเปล่าให้สะอาด เพื่อป้องกันสารตกค้าง จากนั้นให้ตั้งหม้อต้มน้ำให้เดือด จากนั้นนำหอยนางรมมาลวกให้สุก จากนั้นพักทิ้งไว้ให้สะเด็ดน้ำ
  2. นำต้นหอมมาล้างให้สะอาด จากนั้นนำต้นหอมมาหั่นฝอยใส่ชาม หลังจากนั้นให้ตอกไข่ไก่ตามจำนวนที่เตรียมไว้ใส่ชาม
  3. จากนั้นให้โรยเกลือป่นตามจำนวนที่เตรียมไว้ พร้อมพริกไทยป่น และหอยนางลมต้มสุก
  4. ตีไข่เพื่อนคนส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน จากนั้นตีไข่ให้ขึ้นฟู ซึ่งในระหว่างนั้นให้คุณตั้งกระทะด้วยไฟปานกลาง เมื่อกระทะร้อนได้ทีแล้วให้ใส่น้ำมันลงไปตามจำนวนที่เตรียมไว้ รอสักครู่ให้น้ำมันร้อน
  5. เมื่อนำมันร้อนให้ใส่ไข่ที่คนแล้วลงไปในกระทะ จากนั้นทอดให้เหลืองแล้งกลับอีกด้านหนึ่ง ทอดให้สุกเหลืองโดยทั่วกัน ตักใส่จานแล้วโรยหน้าด้วยพริกไทยป่นและผักชี สามารถเสิรฟ์พร้อมซอสเพื่อรับประทานได้ทันที
  6. เมนูไข่เจียวหอยนางรมนี้คุณแม่บ้านทั้งหลายสามารถนำไปดัดแปลงได้ เพราะโดยปกติแล้วไข่เจียวส่วนใหญ่นั้นจะใส่เนื้อหมูสับ แต่เมนูไข่เจียวหอยนางรมนี้สามารถนำเนื้อหอยนางรมมาใช้แทนได้ ซึ่งเป็นการสร้างรสชาติใหม่ให้กับอาหารมื้อนี้ของคุณได้ค่ะ

read more

ไข่เยี่ยวม้ากระเพราะกรอบ หอมอร่อย ชวนน้ำลายไหล


ไข่เยี่ยวม้ากะเพรากรอบ เป็นอาหารที่มีรสชาติที่กลมกล่อมสามารถหารับประทานได้ตามร้านอาหารทั่วไปโดยเฉพาะร้านอาหารที่เป็นร้านกับข้าวก็จะมีไข่เยี่ยวม้ากะเพรากรอบเป็นเมนูอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถให้ท่านผู้อ่านได้สั่งอาหารชนิดนี้มารับประทานอาหารหรือถ้ามีท่านผู้อ่านได้มีโอกาสที่ต้องการประกอบอาหารเองหรือเป็นโอกาสที่จะประกอบอาหารให้กับบุคคลพิเศษหรือคมในครอบครัวของท่านผู้อ่านได้รับประทานโดยเป็นฝีมือของท่านผู้อ่านเองแต่บางครั้งท่านผู้อ่านอาจจะประกอบอาหารเมนูนี้ไม่เป็นซึ่ง วันนี้เราก็จะขอมาแนะนำและวิธีการประกอบเมนูไข่เยี่ยวม้ากะเพรากรอบนี้เองซึ่งเป็นการทำที่ไม่ยากและสามารถจัดหาวัตถุดิบที่ท่านผู้อ่านสามารถหาได้ง่ายๆอีกด้วย



ส่วนผสมไข่เยี่ยวม้ากระเพรากรอบ

  1. ไข่เยี่ยวม้าจำนวน 4 ฟอง
  2. กระเพราเด็ดเป็นใบจำนวน ½ ถ้วย
  3. พริกขี้หนูจำนวน 10 เม็ด
  4. กระเทียมจำนวน 7 กลีบ
  5. น้ำมันหอยจำนวน 2 ช้อนโต๊ะ
  6. น้ำปลาจำนวน 1 ช้อนโต๊ะ
  7. น้ำตาลทรายจำนวน 1 ช้อนชา
  8. น้ำมันพืชจำนวน 1 ถ้วย



วิธีทำ ไข่เยี่ยวม้า กระเพรากรอบ


  1. กระเพราล้างน้ำสะอาด ใส่ตะแกรงพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
  2. นำไข่เยี่ยวม้าปอกเปลือกออก ผ่าเป็น 4 ส่วน
  3. ตั่งกระทะใส่น้ำมันด้วยไฟปลานกลาง รอจนน้ำมันร้อนจัด นำไข่เยี่ยวม้าลงไปทอดให้เหลืองกรอบ ช้อนขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน
  4. นำกะเพราลงทอด ¾ ถ้วย พอกรอบฟูแล้วช้อนขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน เทน้ำมันขึ้นให้เหลือติดกระทะเพียงประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
  5. นำพริกขี้หนูบุบให้พอแตก กระเทียมบุบหยาบๆ นำลงผัดให้หอม เติมไข่เยี่ยวม้าทอดลงผัด
  6. ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย น้ำปลา น้ำตาลทราย ใส่ใบกะเพราดิบที่เหลือลงผัด ชิมตามใจชอบ
  7. จัดกะเพรากรอบลงในจาน ตักไข่เยี่ยวม้ากะเพรากรอบลงพร้อมเสิร์ฟตอนที่อาหารจานนี้กำลังร้อนๆเพื่อเพิ่มรสชาติของอาหารจานนี้และความหอมของอาหารจานนี้และยังสามารถนำมาเป็นกับแกล้มในงานสังสรรค์และงานเลี้ยงได้และยังเป็นการฝึกฝีมือการทำอาหารอีกด้วย



read more

ข้าวซอยไก่ แสนอร่อยเหาะ


ถ้าจะพูดถึงอาหารเหนือนั้นก็มีมากมายหลากหลายเมนูเหลือเกินค่ะ แต่ว่าอาหารที่ขึ้นชื่อและมีชื่อเสียงที่น่าลิ้มลองเเป็นอย่างมากก็คือข้าวซอย นั่นเอง บางคนนั้นงงว่าข้าวซอยคืออาหารอย่างไรกันหนอ วันนี้ผู้เขียนมีคำตอบมาให้ค่ะ ข้าวซอย นั้นเป็นอาหารเหนือที่มีลักษณะคล้ายก๋วยเตี๋ยว แต่ว่าเติมกิทะลงไปนั่นเอง ซึ่งรสชาติจะมีร

สมันของกะทิอยู่ด้วยค่ะ และวันนี้ผู้เขียนก็มีส่วนผสมและขั้นตอนการทำมาฝากผู้อ่านอีกด้วย


เครื่องปรุงและส่วนผสมการทำข้าวซอยไก่

  1. เนื้อสัตว์ 1/2 กิโลกรัม
  2. บะหมี่ 5 ก้อน
  3. ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
  4. เกลือป่น 2 ช้อนชา
  5. ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนโต๊ะ
  6. กะทิ หัว 2 ถ้วย หาง 4 ถ้วย
  7. น้ำตาล 2-3 ช้อนชา
  8. ชะโก – ลูกเฉาก๊วย (แกะเปลือกคั่ว) 3 ลูกใหญ่
  9. ขิง (ซอย-คั่ว) 1 ช้อนโต๊ะ
  10. พริกแห้งเม็ด 2 เม็ด
  11. เกลือป่น 1 ช้อนชา
  12. ลูกผักชี 2 ช้อนโต๊ะ
  13. หอมแดง 1/2 ถ้วย
  14. ขมิ้นชัน 1 ช้อนโต๊ะ


ผักกาดดอง (ล้าง-ใช้ส่วนก้านกันเป็นชิ้นเล็กๆ) 1 ถ้วย
หอมแดง (ผ่าสี่ ถ้าหัวใหญ่ตัดครึ่ง) 1 ถ้วย
พริกป่นผัดน้ำมัน 4 ช้อนโต๊ะ




วิธีทำ/ปรุง ข้าวซอยไก่

  1. นำส่วนประกอบของเครื่องแกงคั่วรวมกัน (ชะโก คั่วลูกผักชี ขิง พริกแห้ง หอม ขมิ้นคั่วรวมกัน)
  2. จากนั้นโขลกเครื่องแกงทั้งหมดให้ละเอียด
  3. นำหม้อใส่หางกะทิตั้งไฟ หมั่นคนเสมอ พอเดือด ใส่เกลือ และเนื้อลงไป รอให้เดือด จากนั้นหรี่ไฟเคี่ยวต่อให้นุ่ม
  4. จากขั้นตอนที่ 3 ให้ช้อนกะทิลอยหน้าออก 1/4 ถ้วย ใส่ลงในกะทะตั้งไฟ ใส่เครื่องแกงที่โขลกลงไป ผัดจนหอม
  5. เทเครื่องแกงที่ผัดจนหอมใส่หม้อต้มเนื้อ รอดูให้เนื้อเปื่อย จึงเติมหัวกะทิ ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ
  6. ลวกเส้นบะหมี่ 4 ก้อน ในน้ำเดือดให้นุ่ม นำไปผ่านน้ำเย็น ยกขึ้นสะเด็ดน้ำ จะได้เส้นที่เหนียวนุ่มขึ้น
  7. อีก 1 ก้อน นำไปทอดในน้ำมัน ให้เหลืองกรอบ ประมาณ 3-5 วินาที ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน พอเย็นแล้วใส่เก็บใส่หม้อปิดฝาเพื่อให้กรอบ ไม่เหนียว
  8. สุดท้ายนำบะหมี่ลวกใส่ชามแกง วางหมี่กรอบข้างบน ตักน้ำแกงใส่ถ้วยแยกวางบนจานรอง เสริฟพร้อม หอมแดง ผักกาดดอง พริกผัดน้ำมัน เป็นอันเสร็จเรียบร้อยพร้อมรับประทาน
  9. เป็นอย่างไรค่ะกับเมนูข้าวซอยอาหารทางภาคเหนือ เป็นเมนูอาหารที่ล้างความจำเจในมื้ออาหารให้กับคุณเองได้ ซึ่งคุณก็สามารถทำรับประทานได้เองไม่ยากเลยค่ะ ครั้งหน้าผู้เขียนจะมาพร้อมกับเมนูอาหารใดต้องคอยติดตามกันนะคะ




read more

ข้าวต้มกุ้ง



ข้าวต้มกุ้งเป็นอาหารที่นิยมทานกันมากโดยเฉพาะนำมาเป็นอาหารเช้าที่มีคุณค่าทางโภชนาการเป็นอย่างมากและข้าวต้มกุ้งนี้เหมาะสำหรับท่านผู้อ่านที่กำลังป่วยที่ต้องการอาหารอ่อนๆรับประทานหรืออาหารที่ต้องการบทง่ายๆอย่างเช่นท่านผู้อ่านที่ปวดฟันหรือถอนฟันมาใหม่ๆที่ต้องการอาหารอ่อนๆรับประทานสามารถทำเมนูนี้ทำรับประทานเองที่บ้านก็ได้ หรืออาจจะเป็นเมนูพิเศษที่ปรุงทำขึ้นมาเพื่อนคนที่คุณผู้อ่านรักได้รับประทานก็ได้ค่ะ



่ส่วนประกอบข้าวต้มกุ้ง

  1. กุ้งจำนวน 350 กรัม (ล้างและ แกะเปลือก)
  2. น้ำจำนวน 2 ถ้วยตวง
  3. ข้าวสุกจำนวน 1 ถ้วยตวง
  4. หัวไชโป๊จำนวน 0.5 ช้อนชา
  5. น้ำปลา จำนวน 2 ช้อนโต๊ะ
  6. ซีอิ๊ว จำนวน 1 ช้อนโต๊ะ
  7. กระเทียมสับละเอียดจำนวน 1 ช้อนโต๊ะ
  8. เห็ดหอมหั่นเป็นชิ้น
  9. ขึ้นฉ่ายจำนวน 1 ถ้วยตวง (หั่นเป็นชิ้นเล็ก ทั้งลำต้นและใบ)
  10. พริกไทยจำนวน 0.5 ช้อนชา
  11. กระเทียมเจียว (จะมีหรือไม่มีก็ได้)



วิธีทำข้าวต้มกุ้ง

  1. ขั้นตอนแรกก็ต้องหุงข้าวก่อน จะหุงหรือจะต้มก็ได้ แต่ใช้วิธีการหุงเพราะว่ามีข้าวอยู่ในหม้ออยู่แล้วก็เอามาตั้งน้ำใส่ข้าวลงไป ถ้าชอบนิ่มก็ต้มนานหน่อยแต่ถ้าชอบแบบแข็งก็ไม่ต้องนานมาก
  2. ในระหว่างที่รอต้มข้าวก็แกะกระเทียมสักหนึ่งหัวเสร็จแล้วก็นำมาตำหรือสับก็แล้วแต่ความสะดวก
  3. ตั้งน้ำมันให้พอร้อน นำกระเทียมที่สับแล้วลงไปในกระทะแล้วค่อยคนๆ และดูไฟไม่ต้องให้แรงมาก เสร็จแล้วก็หาภาชนะมาใส่กระเทียมพร้อมน้ำมัน
  4. ถ้าข้าวเริ่มนิ่มแล้วก็จัดการนำกุ้งสดลงไป ใส่ซีอิ๊วขาว ลงไป ใครที่ชอบผงปรุงรสก็ใส่ลงไป
  5. จากนั้นคนให้เข้ากันสักสองถึงสามนาทีก็ใส่ต้นหอมและผักชีลงไป ตักใส่จาน แต่งหน้าด้วยต้นหอม ผักชีและกระเทียมเจียวอีกนิดหน่อย โรยพริกไทยซักเล็กน้อยก็เป็นอันเสร็จค่ะ
  6. เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะสำหรับเมนูข้าวต้มกุ้งท่าสามารถทำได้เองง่ายแล้วไม่เปลืองเวลาในการทำเลยค่ะ แต่ถ้าหากท่านผู้อ่านต้องการเมนูข้าวต้มกุ้งนี้จะอร่อยมากยิ่งขึ้นอีกท่านผู้อ่านควรจะใช้วัตถุดิบที่ใช้ในการประกอบอาหารที่สดใหม่เท่านั้นนะค่ะ จึงจะทำให้เมนูอาหารชนิดนี้จะทำให้อร่อยมากยิ่งขึ้นค่ะ


read more

ไก่ผัดขิง


ขิงเป็นอีกหนึ่งสมุนไพรของไทยที่นิยมนำมาเป็นส่วนประกอบของอาหาร เพราะว่าขิงนั้นมีประโยชน์ช่วยเป็นยาระบายอย่างดี ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ในครัวของคนไทยนั้นจะมีขิงติดครัวไว้ตลอด และวันนี้ผู้เขียนมีเมนูไก่ผัดขิงมาฝากท่านผู้อ่านกันอีกด้วยซึ่งมีส่วนผสมและขั้นตอนการทำที่ง่ายและไม่ยุ่งยาก ซึ่งคุณก็สามารถจะทำเพื่อรับประทานที่บ้านกันได้ค่ะ



ส่วนผสมของไก่ผัดขิงมีดังต่อไปนี้

  1. เนื้อไก่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำจำนวน 400 กรัม
  2. กระเทียมสับจำนวน 1 ช้อนโต๊ะ
  3. เห็ดหอมหั่นจำนวน 1 ถ้วยตวง
  4. พริกชี้ฟ้าแดงหั่นเฉียงจำนวน 1/2 ถ้วยตวง
  5. ขิงหั่นเป็นเส้นจำนวน 3 ช้อนโต๊ะ
  6. น้ำปลาจำนวน 2 ช้อนโต๊ะ
  7. ซิอิ๊วขาวจำนวน 1 ช้อนโต๊ะ
  8. ซ๊อสหอยนางรมจำนวน 2 ช้อนโต๊ะ
  9. น้ำตาลจำนวน 1 ช้อนชา
  10. หอมใหญ่หั่นจำนวน 1/4 ถ้วยตวง
  11. ต้นหอมหั่นจำนวน 2 ต้น
  12. ผักชีสำหรับแต่งหน้าอาหาร
  13. น้ำมันพืช




ขั้นตอนการทำไก่ผัดขิง

  1. เพียงแค่คุณนั้นนำไก่มาล้างทำความสะอาด หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ จากนั้นนำมาหมักกับซีอิ๊วขาว ทิ้งไว้ 10 นาที
  2. นำเห็ดหูหนู ขิง หอมหัวใหญ่ พริกฟ้า กระเทียม มาล้างทำความสะอาด หั่นเห็ดเป็นชิ้นพอดีคำ ซอยขิงเป็นเส้น ๆ หั่นหอมหัวใหญ่และพริกชี้ฟ้าในแนวเฉียง และสับกระเทียม แล้วพักไว้
  3. ตั้งไฟให้น้ำมันเดือดพอประมาณ จากนั้นใส่กระเทียมลงไปเจียวจนหอม จากนั้นใส่ไก่ที่หมักไว้ลงไปผัดจนเกือบสุก
  4. ใส่ขิงและหัวหอมใหญ่ลงผัดคลุกเคล้ากับไก่จนไก่สุกได้ที่ ใส่เห็ดหูหนูตามลงไปผัดให้เข้ากัน
  5. ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย น้ำตาลทราย ปรุงรสตามใจชอบ จากนั้นใส่ต้นหอม และพริกชี้ฟ้าลงไปผัด คลุกเคล้าให้ส่วนผสมเข้ากันอีกครั้ง
  6. ตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟได้แล้วละจ้า
  7. ไม่ยากอย่างที่คิดเลยใช่ไหมละค่ะท่านผู้อ่าน คราวหน้าจะเป็นเมนูใด และจะมีความพิเศษอย่างไรต้องคอยติดตามกันนะค่ะ เพราะรับรองได้เลยว่าคุณจะมีความรู้เรื่องสูตรอาหารรอคุณอยู่อีกมากมายจ้า

read more

ข้าวคลุกกะปิ


สำหรับวันนี้ผู้เขียนขอเอาใจผู้ที่ชื่นชอบข้าวคลุกกะปิกันสักหน่อยนะคะ หลายคนนั้นมีความหลงใหลในเมนูข้าวคลุกกะปิกันอย่างมาก แต่ว่าไม่สามารถทำเองได้ อาจจะเป็นเพราะทำไม่เป็นหรือโอกาสไม่อำนวยก็แล้วแต่ แต่วันนี้ผู้เขียนมีส่วนผสมและข้นตอนการทำเมนูข้าวคลุกกะปิ มาฝากกันค่ะ ถ้าแม่ครัวคนใดสนใจก็ติดตามกันได้เลยจ้า



ส่วนผสมของข้าวคลุกกะปิมีดังต่อไปนี้

  1. ข้าวสวย 3 ถ้วยตวง
  2. พริกขี้หนูซอยละเอียด 2 ประมาณช้อนชา
  3. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  4. หอมแดงซอย 6 หัว
  5. แตงล้าน 1/2 ลูก
  6. น้ำมันหมู
  7. มะม่วงดิบ (เปรี้ยว) สับละเอียด 1/4 ถ้วยตวง
  8. กากหมู 3 ช้อนโต๊ะ
  9. กะปิดี 4 ช้อนโต๊ะ
  10. กุ้งแห้งตัวเล็กทอดกรอบ 1/2 ถ้วยตวง
  11. หมูหวาน 3 ขีด (หมูสามชั้น , น้ำตาลปี๊ป)





ขั้นตอนการทำข้าวคลุกกะปิมีดังต่อไปนี้
ขั้นตอนและวิธีทำ หมูหวาน

  1. เลือกหมูสามชั้นอย่างดี 1/2 กิโลกรัม ทางร้านเขาจะหั่นเป็นเส้นยาวๆ เราก็นำมาหั่นเป็นชิ้นขนาด 1/2 นิ้ว
  2. ตั้งกระทะพอร้อน เติมน้ำปี๊บ จากนั้นเคี่ยวให้เหลืองจึงใส่หมู ใส่น้ำปลาดี เติมน้ำเปล่า แล้วเคี่ยวจนงวดด้วยไปอ่อน ทดลองชิมดูถ้ายังไม่เปื่อย ให้เติมน้ำลงไปอีกแล้วปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำปลาดี โดยให้เน้นมีรสหวานนำ จนเหลือน้ำขลุกขลิก(ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง) เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
  3. ขั้นตอนการทำข้าวคลุกกะปิมีดังต่อไปนี้


ขั้นตอนการทำข้าวคลุกกะปิมีดังนี้
  1. ตอกไข่ตีให้เข้ากัน นำกะทะตั้งไฟ เอาน้ำมันทากะทะให้ทั่ว พอน้ำมันร้อนเทไข่ลงไปเอียงกะทะไปมา ให้ไข่เป็นแผ่นบางๆ พอสุกยกลง ทิ้งไว้ให้เย็นหั่นฝอย
  2. ต่อมาให้นำน้ำมันใส่กะทะตั้งไฟให้ร้อน ใส่กุ้งแห้งทอดจนกรอบ ตักขึ้น ให้สะเด็ดน้ำมันออกให้หมด
  3. นำหอมซอย ปอกเปลือกล้างน้ำสะอาด ซอยตามยาวบางๆ
  4. นำมะม่วงดิบ (มะม่วงเปรี้ยว) ปอกเปลือก ล้างน้ำเปล่าให้สะอาด สับให้รอบลูก ฝานให้เป็นเส้นๆ
  5. แตงกวา ตัดหัวท้าย ล้างน้ำสะอาด ผ่าเป็นแว่นกลม หั่นชิ้นหนาพอเหมาะ (ประมาณ 3 มิลลิเมตร) พร้อมพริกขี้หนู หั่นหยาบๆ
  6. เป็นอย่างไรค่ะกับเมนูข้าวคลุกกะปิ สามารถทำเองได้ไม่ยากอย่างที่คิดไว้เลยใช่ไหมละคะ เอาเป็นว่าเมนูนี้ก็กลายเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ขอบอกว่าเรื่องเล็กก็แล้วกันจ้า และครั้งหน้าผู้เขียนจะเอาเมนูใดมาฝากอย่าลืมติดตามกันนะคะ


read more

ต้มยํากุ้ง น้ำข้น



ต้มยํากุ้งอาหารถูกปากของคนไทยและชาวต่างชาติ เรียกได้ว่าทั่วโลกแทบทุกคนไม่มีใครที่ไม่รู้อาหารไทยอย่าง ต้มยํากุ้ง นี้ และสูตรเมนูต้มยํากุ้งวันนี้จะเป็น ต้มยํากุ้งน้ำข้น นั่นเอง เอาใจคอชอบอาหารที่เน้นความเข้มข้นของรสชาติใครที่ชอบทำอาหารห้ามพลาดกับเมนู ต้มยำกุ้ง ถ้วยนี้เลยนะขอบอก และขอบอกอีกทีว่า ต้มยำกุ้งชาม นี้นับว่าแซ่บจี๊ดจริง ๆ เลยค่ะ ว่าแล้วเราจะมาดูเครื่องปรุงรสต้มยำกุ้งน้ำข้นและวิธีทำและขั้นตอนการทำต้มยำกุ้งน้ำข้นกันเลยดีกว่าค่ะ

เครื่องปรุงรส ต้มยํากุ้ง น้ำข้น
  1. ตะไคร้ 2 ต้น
  2. ข่า 1 แง้ง
  3. ผักชี 1 ต้น
  4. พริกขี้หนู 5 เม็ด
  5. ใบมะกรูด 5 ใบ
  6. มะเขือเทศใหญ่ 1 ลูก
  7. เห็ดฟาง 5 ดอก
  8. เห็ดนางฟ้า 5 ดอก
  9. กุ้งสด 10 ตัว
  10. น้ำพริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ
  11. น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
  12. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะครึ่ง
  13. นมสด 1 ทัพพี
  14. น้ำเปล่า 1 ลิตร




วิธีทำและขั้นตอน ต้มยำกุ้งน้ำข้น

- ขั้นตอนแรก ให้นำตะไคร้มาทุบแบบหยายแล้วหั่นประมาณ 1 นิ้ว ต่อด้วยหั่นข่า 1 แง้งให้เป็นแว่นๆ ให้ได้ประมาณ 5-7 แว่น ไม่ต้องหนามากเอาพอดีๆ หั่นผักชีเป็นฝอยๆ ส่วนรากผักชีให้ทุกพอหยาบ พริกขี้หนู 5 เม็ดก็ให้ทุกพอหยาบเช่นกัน หั่นมะเขือเทศลูกใหญ่ให้ผ่าให้ได้ 4 ชิ้น เห็นฟางหั่นครึ่งและเห็ดนางฟ้าฉีกครึ่ง ใบมะกรูดนำมาฉีกครึ่งเป็น 4 ส่วน ส่วนกุ้งสดปลอกเปลือกผ่าหลังและล้างให้สะอาด ผักทุกชนิดต้องนำมาล้างน้ำก่อนหั่นนะค่ะ

- ขั้นตอนที่สอง นำหม้อต้มใส่น้ำเปล่า 1 ลิตรที่เตรียมไว้ตั้งไฟด้วยไฟแรงจากนั้นใส่ตะไคร้ที่ทุบไว้และข่าที่หั่นไว้และรากผักชีที่ทุบไว้ลงไปพร้อมกัน จากนั้นน้ำเดือดให้ใส่เห็ดฟางและเห็ดนางฟ้าพร้อมกับกุ้งสดรอจนน้ำเดือด พอน้ำเดือดแล้วให้หรี่ไฟเป็นไฟปานกลางใส่เครื่องปรุงรสที่เตรียมไว้ให้ใส่ น้ำปลา มะนาว คน 1 รอบ แล้วตามด้วยน้ำพริกเผาคนให้เข้ากันจากนั้นเปิดไฟแรงอีกครั้งแล้วใส่มะเขือเทศและพริกขี้หนูพร้อมใบมะกรูดพอเดือดให้ปิดไฟทันที จากนั้นค่อยๆ ใส่นมสดประมาณ 1 ทัพพีแล้วคนอีกครั้ง จากนั้นยกลงเทใส่ถ้วยแล้วโรยหน้าด้วยผักชีเป็นอันเรียบร้อยค่ะ

read more

ยำใบบัวบก


ส่วนผสมยำใบบัวบก 

  1. ใบบัวบก 20 ใบ 
  2. กุ้งเสียบ 15 ตัว 
  3. น้ำพริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ 
  4. มะพร้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ 
  5. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ 
  6. น้ำมะนาว 3/4 ช้อนโต๊ะ 
  7. น้ำตาลเล็กน้อย


วิธีทำยำใบบัวบก
- ล้างใบบัวบกให้สะอาด หั่นเป็นท่อนพอดีคำ พักไว้
- ผสมน้ำพริกเผา มะพร้าวคั่ว น้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาลทรายเข้าด้วยกันเป็นน้ำยำ
- นำใบบัวบกมาคลุกเคล้ากับน้ำยำให้เข้ากัน จากนั้นตักใส่จานและโรยหน้าด้วยกุ้งเสียบ จัดแต่งให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟ
- นำปลากะพงที่ปั้นได้รูปแล้วเขาอบในเตา ก่อนที่จะนำไปทอดบนกระทะเทฟลอน ใส่น้ำสต๊อกผักลงไปเล็กน้อย
- แต่งหน้าด้วยมะเขือเทศหั่นขวาง ผักชี และใบสะระแหน่ พร้อมเสิร์ฟกับน้ำจิ้มรสเด็ด


read more

น้ำมะพร้าวปั่นจ้า สูตร โอน่าจอมซ่าส์ PANTIP


สวัสดีค่ะเพื่อนๆที่น่ารัก ช่วงนี้คงจะได้ดูรูปเล่นๆในกระทู้โอเล่บ่อยๆ
เกี่ยวกับน้ำปั่นกันไปก่อนสักช่วงนะคะ แบบว่าติดลมบนซะแล้วอ่ะคะ อิอิ
วันนี้นำเสนอ น้ำมะพร้าวปั่นจ้า






ทำน้ำมะพร้าวปั่น แน่นอน ต้องมีมะพร้าวน้ำหอม คงไม่มีใครเอาตะลิงปิงมาปั่นทำหรอกนะคะ อิอิ (หรือมีน๊อ คนเรา ) จัดการเฉาะมะพร้าว โอเล่เก่งมากในการเฉาะ ดูผลงานที่ออกมาได้เลยค่ะ ฮี่ๆๆ



ก็จะได้น้ำมะพร้าว ที่จะต้องใช้ในการทำน้ำมะพร้าวปั่น



เนื้อมะพร้าวอ่อน






น้ำเชื่อม ใช้น้ำเดือดต้มให้เดือดจนสุกใส่น้ำตาลทรายขาวลงไปนะค่ะ
ละลายให้หมด พักให้น้ำเชื่อมเย็นแล้วนำมาใช้ในการทำน้ำปั่นคะ



นมสดคะ





*****ส่วนผสมที่จะทำน้ำมะพร้าวปั่น


  1. เนื้อมะพร้าว 1 ลูก
  2. น้ำมะพร้าว  1 ลูก ไม่ได้ตวงหรอกค่ะ อิอิ
  3. น้ำเชื่อมครึ่งหนึ่งของน้ำมะพร้าว (กะกันเอาเองนะค่ะ ว่าชอบหวานแค่ไหน)
  4. นมสด ก็ครึ่งหนึ่งของน้ำมะพร้าวเหมือนกันค่ะ
  5. น้ำแข็งตามใจฉัน อ่ะคะ




ใส่ทุกอย่างที่มีลงไปแล้วจัดการปั่นเลยค่ะ



เรียบร้อย



ให้ดูน่าทานอีกนิดใส่เนื้อมะพร้าวลงไปอีกนิดคะ

ที่มา : http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2009/03/D7634569/D7634569.html




ร้อน ลดร้อน ดับร้อน หายร้อน กระหาย ร้อนโครต หายร้อน ร้อนมาก hot very hot hot degree ,hot temperature, เมนู,อาหารลดร้อน,เครื่องดื่ม,ดับกระหาย,เครื่องดื่มเย็น,เย็นๆ,เย็น,อาหาร,น้ำ,สมุนไพร,
read more

สูตรอาหาร : มะระทรงเครื่อง (ไมโครเวฟ)


ในช่วงหน้าร้อนซึ่งมีอุณหภูมิกว่า 40 องศาเซลเซียสแบบนี้ ไม่ใช่เพียงแค่น้ำอัดลมซ่าๆ น้ำหวานเย็นๆ หรือไอศกรีมเท่านั้นที่จะช่วยดับร้อนได้ มะระทรงเครื่องเป็นเมนูคลายร้อนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ สามารถทานได้ทั้งครอบครัว และมีวิธีการทำที่ไม่ยุ่งยากเลย

ขั้นตอนการทำมะระทรงเครื่องนั้นเริ่มจากนำมะระจีนมาหั่นเป็นท่อน คว้านไส้ข้างในออกนำไปล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นนำหมูสับที่ปรุงรสไว้มายัดไส้ แล้วนำไปต้มในน้ำซุปที่เดือดพล่านประมาณ 10-15 นาที หากไม่ชอบหรือยังไม่คุ้นชินกับรสขมของมะระมีเคล็ดลับคือ หลังจากที่หั่นและคว้านไส้ออกแล้วให้นำไปแช่ในน้ำเกลือก่อน และขณะที่ต้มก็ให้เปิดฝาทิ้งไว้ จะเป็นการช่วยลดความขมของมะระได้เป็นอย่างดี

มะระจีนเป็นผักที่ขึ้นชื่อว่ามีรสขมอันเป็นผลจากสาร momodicine ซึ่งมีสรรพคุณต่างๆ มากมาย มะระจีนจึงจัดเป็นยาเย็นที่แก้ร้อนในกระหายน้ำ สามารถรักษาอาการไข้รวมไปถึงลดน้ำมูก ขับเสมหะ และบรรเทาอาการไอได้ดี นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงธาตุ บำรุงกำลัง ฟอกสารพิษที่ตกค้างในเลือด อีกทั้งสารในมะระจีนจะส่งผลกระตุ้นให้ตับและถุงน้ำดีทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยคลายความหงุดหงิดและความเครียดจากอากาศที่ร้อนอบอ้าวได้อีกด้วย

อย่างไรก็ดีแม้มะระจีนจะมีคุณค่าทางโภชนาการสูงและรักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆ ได้ แต่ไม่ควรรับประทานติดต่อกันทุกมื้อและต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน เพราะพลังความเย็นของมะระจีนจะทำให้ร่างกายสูญเสียความสมดุล จึงควรทานสลับกับอาหารประเภทอื่นด้วย


มะระเป็นผักที่มีประโยชน์สูง หากเรานำมาประกอบอาหารรับประเทานเป็นประจำก็จะช่วยให้สุขภาพร่างกายของเรา แข็งแรงอย่างแน่นอน มะระทรงเครื่องเป็นอีกเมนูหนึ่งที่ทำได้ไม่ยาก แถมสมัยนี้มีไมโครเวฟช่วยอำนวยความสะดวก เราก็สามารถทำมะระทรงเครื่องด้วยไมโครเวฟได้เลย



ส่วนผสม

  1. มะระจีน (น้ำหนัก 500 กรัม) 1 ผล
  2. สันคอหมู (สับละเอียด)  300 กรัม
  3. รากผักชี (ซอยบางๆ ตามขวาง) 3 ราก
  4. กระเทียม (ซอยบางๆ ตามขวาง) 7 กลีบ
  5. พริกไทยป่น   2 ช้อน
  6. เห็ดหอม   3 ดอก
  7. (แช่น้ำให้นิ่มหั่นเป็นสี่เหลียมลูกเต๋าเล็กๆ)
  8. ไข่ไก่   1 ฟอง
  9. ซีอิ๊วขาว (สำหรับผสมหมูสับ) 1 ช้อนโต๊ะ
  10. ซีอิ๊วขาว (สำหรับปรุงรส)  2 ช้อนโต๊ะ
  11. ซีอิ๊วดำ   1/2 ช้อนชา
  12. น้ำตาลทราย  1 ช้อนชา
  13. น้ำ   3 ถ้วยตวง


วิธีทำ

1. โขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทยป่นเข้าด้วยกันให้ละเอียด

2. ผสมสันคอมหมูสับ ส่วนผสมที่โขลกไว้ และเห็ดหอมเข้าด้วยกัร ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย และซีอิ๊วดำ จึงใส่ไข่ไก่ผสมให้เข้ากันพักไว้

3. นำมะระมาหั่นเป็นท่อนยาว 2.5 นิ้ว คว้านไส้ออก ล้างให้สะอาด

4. นำส่วนผสมหมูที่เตรียมไว้มาใส่แทนไส้มะระให้เต็ม วางเรียงในภาชนะ นำเข้าเตาไมโครเวฟ ใช้เวลาประมาณ 6-7 นาที ระดับความร้อน HIGH หมดเวลา นำมาพักไว้

5. ใส่น้ำในภาชนะ ปิดฝาภาชนะ นำเข้าเตาไมโครเวฟ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ระดับความร้อน HIGH

6. ใส่มะระที่นึ่งแล้ว ปิดฝาภาชนะ นำเข้าเตาไมโครเวฟ ใช้เวลาประมาณ 5 นาที รดับความร้อน HIGH ต่อด้วยเวลาประมาณ 10 นาที ระดับความร้อน MEDIUM หมดเวลา นำออกมาปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว คนพอเข้ากัน ตักเสิร์ฟร้อนๆ



read more

ข้าวแช่ แก้ร้อน อร่อยถูกลิ้น แบบไทยๆ


ข้าวแช่เป็นกับข้าวของชาวมอญ คนไทยช่างกินและช่างดัดแปลงอยู่แล้ว พอลิ้มรสเข้าก็ถูกปาก ข้าวแช่มอญจึงถูกแปลงเป็นข้าวแช่ไทย แต่เพราะข้าวแช่ทำยาก ยิ่งจะเอาให้อร่อยยิ่งต้องวิลิศมาหรา ข้าวแช่ไทยชั้นดีจึงมีอยู่แต่ในวัง คนธรรมดาหมดปัญญาทำ ช่วงสงกรานต์ ปกติต้องทำบุญกระดูกบรรพบุรุษ สรงน้ำพระพุทธรูปและเลี้ยงพระกันอยู่แล้วก็เลยเป็นประเพณีตั้งสำรับข้าวแช่เลี้ยงพระ เรียกว่างานบุญกรานข้าวแช่ พอทำทั้งทีแล้วไหนจะทำยาก ไหนจะลงแขกมาช่วยกัน ก็ต้องเผื่อแผ่ทำเลี้ยงแขกเหรื่อญาติมิตรด้วย กับข้าวถ้ามีเหลือ ความที่เป็นของไม่บูดไม่เน่าก็เก็บไว้กินต่อได้อีกแรมเดือน ขาดอะไรก็ทำเพิ่มเอาอย่างสองอย่าง เท่านี้ก็ได้ข้าวแช่ไว้กินตลอดหน้าร้อน พอปีหน้าก็มาว่ากันใหม่


ความยากลำบากในการทำข้าวแช่มี 5 ขั้นตอน คือ

1. ตอนหุงข้าวและขัดให้เมล็ดเสมอกัน

2. ตอนปรุงเครื่องข้าวแช่ ของมอญแท้ๆ จะมีไม่กี่อย่าง แต่พอเข้าวังก็จะมีลูกกะปิ (ทำเก็บไว้ได้นาน) หัวหอมแดงยัดไส้ลูกกะปิ พริกหยวกยัดไส้หมูสับคลุมด้วยไข่ทอดโรยเป็นตาข่าย หัวไชโป๊เค็มหั่นฝอยผัดกับน้ำตาลโตนดจนหวาน บางทีก็มีมะม่วงดิบฝอยผัดหวาน

3.น้ำแช่ข้าว ต้องให้หอมดอกมะลิ กระดังงา ชมนาด และต้องแช่ให้เย็น โบราณจะใส่คนโทดินแช่ไว้ สมัยหลังมีน้ำแข็งแล้วก็ใช้น้ำแข็งช่วย

4. ผักกินกับข้าวแช่มีกระชายสดจักเป็นดอกจำปี พริกสดจักแตงกวา มะม่วงดิบจักเป็นใบไม้ ต้นหอมจัก


5 วิธีบริโภค เวลากินข้าวแช่ให้ตักข้าวสวยใส่ชาม รินน้ำหอมลงจนท่วม เติมน้ำแข็งเป็นเกล็ดหรือก้อนหรือจะใช้น้ำหอมแช่ในตู้เย็นก็ชื่นใจดี คนที่ตักลูกกะปิ หัวหอม พริกหยวก  ใส่ลงในข้าวเรียกว่าไม่มีทั้งวัฒนธรรมมอญและไทย แต่ให้ตักใส่ปากกินก่อน แล้วตักข้าวและน้ำตาม ข้าวแช่ไม่ใช่ข้าวต้ม จึงห้ามใช้ตะเกียบพุ้ย ต่อจากกับและข้าวจะหยิบผักใส่ปากเคี้ยวตามก็ได้รสชาติดีโดยเฉพาะกระชายและอย่าเอาข้าวแช่ไปกินกับข้าวอื่นเป็นอันขาด เช่น ถั่วงอกผัดหมูกรอบ เป็ดพะโล้ ซีเซ็กฉ่าย ปลาสลิดยำ ไข่เค็ม ถึงไม่เคารพมอญก็โปรดนับถือภูมิปัญญาชาววังไทยไว้บ้างเถิด



รัชกาลที่ 4 โปรดเสวยข้าวแช่มาก เมื่อเสด็จไปประทับที่พระนครคีรี เพชรบุรีทรงถามหาข้าวแช่แต่ไม่มีใครทำเป็น ห้องเครื่องจึงรับชาวบ้านที่สนใจเข้ามาหัดทำแบบง่ายๆ ไม่ประดิดประดอยอย่างชาววัง ก็ได้ลูกกะปิ ปลายี่สนผัดหวาน ไชโป๊หวานมาเป็นเครื่องข้าวแช่ ส่วนหัวหอมยัดไส้พริกหยวกยัดไส้และผักนั้นไม่มี ว่ากันว่าผักก็มาเพิ่มสมัยรัชกาลที่ 5 โดยเฉพาะมะม่วงดิบซึ่งโปรดมาก

นับแต่นั้นมาข้าวแช่เพชรบุรีก็โด่งดังขึ้นคู่กับของชาววัง ปัจจุบันนี้มีข้าวแช่อยู่ในท้องตลาด 4 แบบ คือ
1. แบบมอญดั้งเดิม 2. แบบเพชรบุรี 3. แบบชาววังเต็มยศ 4. แบบตามวังเจ้านายที่รับจากวังหลวงมาดัดแปลงอีกที เช่น มีปลารำวงทอดกรอบ เนื้อเค็มฝอยเป็นของแกล้ม เป็นต้น







ร้อน ลดร้อน ดับร้อน หายร้อน กระหาย ร้อนโครต หายร้อน ร้อนมาก hot very hot hot degree ,hot temperature, เมนู,อาหารลดร้อน,เครื่องดื่ม,ดับกระหาย,เครื่องดื่มเย็น,เย็นๆ,เย็น,อาหาร,น้ำ,สมุนไพร,
read more

ร้อนๆ กินสิ่งนี้สิจะช่วยให้ท่านดับร้อน ดับกระหาย คลายร้อน ผ่อนคลายได้อย่างแน่นอน





อาหารคลายร้อน เมนูอาหารคลายร้อน กินอะไรทำให้เย็น
อาหารคลายร้อน พอเข้าหน้าร้อนแบบนี้ มีใครบ้างที่จะไม่มองหาวิธีคลายร้อนที่ทำให้ตัวเองรู้สึกสบายผ่อนคลายตัว เราจึงมีวิธีคลายร้อนแบบง่ายๆ ที่ไม่ต้องไปวิ่งหาไกลที่ไหนเลย เพียงแค่เลือกอาหารการกินให้ถูก เหมาะกับสภาพอากาศและอุณหภูมิที่ร้อนขึ้นแบบไม่มีหยุดหย่อนแบบนี้ การรับประทานอาหารที่เหมาะสมในหน้าร้อนแบบนี้เป็นการปรับอุณหภูมิภายในร่างกายของเราให้สมดุล แถมยังเป็นวิธีง่ายๆ แต่ได้ผลจริง มาดูกันสิว่า มีอาหารที่คลายร้อนแบบไหนบ้าง

ควรทานอะไรในหน้าร้อน ?
อากาศในฤดูร้อนมักร้อนจนทำให้ไม่สบายตัว และก็ร้อนจัดจนเหงื่อหยดย้อยเราจึงจำเป็นต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษในฤดูนี้โดยเฉพาะในเรื่องของอาหารการกินซึ่งควรเป็นอาหารที่ย่อยง่าย ไม่ก่อให้เกิดความร้อนในร่างกาย และไม่ทำให้เลือดลมเสียสมดุล อาหารที่จำเป็นก็คือผักและผลไม้สด รวมทั้งการกินโปรตีนจากสัตว์ปีก เช่น ไก่ ที่ปราศจากสารเร่งการเจริญเติบโต และควรเน้นอาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบมากๆ ให้พลังงานน้อยๆ และต้องมีไขมันต่ำๆ เพราะไม่ต้องใช้พลังงานในการเผาพลาญมากนัก

ร่างกายจึงไม่เกิดความร้อนในการทำงานหนัก ดังนั้นอาหารที่ไม่ควรทานในหน้าร้อนในปริมาณมากๆ คือ เนื้อสัตว์  ไข่  ถั่วเมล็ดแห้ง นม และไขมัน เนื่องจากเป็นอาหารที่ต้องใช้พลังงานในการย่อยและการนำไปใช้สูงกว่าข้าว ผัก และผลไม้ คือ ส่วนอาหารที่ควรทานในหน้าร้อน ควรจะเป็นอาหารที่เพิ่มความเย็นให้แก่ร่างกาย เช่น อาหารประเภทผักและผลไม้ที่ไม่มีแป้งมาก  และหากต้องอยู่ท่ามกลางอากาศร้อนจัดหรือออกกำลังกายกลางแจ้ง ควรดื่มน้ำให้ได้ชั่วโมงละ 1  ลิตร หรือ 4-6 แก้วต่อชั่วโมง  แม้ไม่รู้สึกกระหายน้ำก็ตาม  เพราะคุณจะสูญเสียน้ำเป็นจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องนำน้ำมาชดเชยส่วนที่ร่างกายเผาผลาญไป

ที่ทานไก่ได้เพราะอะไรมาดูกัน ?
เนื่องจากโปรตีนจากไก่คล้ายกับโปรตีนในร่างกายมนุษย์ ซึ่งจะช่วยสร้างโปรตีนในร่างกายได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ร่างกายยังย่อยธาตุเหล็กจากเนื้อสัตว์ได้ดีกว่าธาตุเหล็กจากพืช และโปรตีนจากไก่ยังมีวิตามินมากมายโดยเฉพาะกลุ่มวิตามินบี เช่น วิตามินบี 1 ซึ่งจำเป็นสำหรับสมอง วิตามินบี 2 เพื่อเสริมสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน มีวิตามินบี 6 บี 12 สูง และมีในอาชิน ไก่เป็นแหล่งโปรตีนและวิตามินที่ให้พลังงานน้อย แต่มีสารอาหารสูง ที่สำคัญคือ ควรเลือกไก่ที่ปราศจากสารเร่งการเจริญเติบโตจะดีที่สุด

ผักและผลไม้ที่คลายร้อนได้ดี
         ตามหลักการแพทย์แผนจีน แนะนำให้กินอาหารที่ให้ความเย็นแก่ร่างกาย เช่น มะเขือเทศ แตงกวา เต้าหู้ ข้าวโพด ผักโขม กีวี หรือแตงโม



อาหารคลายร้อน

มะเขือเทศ ดับร้อนได้ง่ายนิดเดียว   มะเขือเทศช่วยให้ร่างกายสดชื่น กระตุ้นน้ำย่อย ช่วยย่อยอาหาร และยังช่วยการระบายการขับถ่ายให้สะดวกขึ้นอีกด้วย และมีการวิจัยกันว่าการดื่มน้ำมะเขือเทศเป็นประจำจะช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้ โดยเฉพาะมะเร็งของต่อมลูกหมากที่คุณผู้ชายกลัวนักกลัวหนา
นอกจากวิตามินซีที่มีสูงในมะเขือเทศแล้ว วิตามินอื่น ๆ ก็มีอยู่ครบทุกชนิด แถมเปลือกนอกของมะเขือเทศยังมีสารชนิดเดียวกับที่พบในเปลือกองุ่นแดงที่เชื่อว่ามีส่วนช่วยป้องกันโรคหัวใจขาดเลือดได้อีกด้วย



อาหารคลายร้อน

แตงกวาช่วยดับร้อนในร่างกาย  แตงกวาเป็นผักที่เหมาะกับการกินยามอากาศร้อนเพราะลดความร้อนและช่วยให้ร่างกายสดชื่น มีสารฟีนอลทำหน้าที่ต้านปฏิกิริยาออกซิเดชั่น นอกจากนี้ น้ำแตงกวายังมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ แก้ไข้ ลดอาการนอนไม่หลับ ลดกรดกระเพาะอาหาร แก้กระหายน้ำ และลดอาการโรคเกาต์ โรคไขข้อรูมาติสม์ และอาการบวมน้ำอีกด้วย

เต้าหู้บำรุงสุขภาพเพื่อคลายร้อน

เต้าหู้เหมาะกับอากาศร้อนและย่อยง่าย เช่น แกงจืดเต้าหู้ และเหยาะน้ำมันงาลงไปเล็กน้อย มันจะช่วยคลายความร้อนให้ร่างกายและช่วยในการซ่อมแซมร่างกาย


แตงโมและแคนตาลูป  มีส่วนประกอบของน้ำสูงถึง 95% สามารถทดแทนน้ำในร่างกายที่สูญเสียไปเนื่องจากอากาศร้อนได้เป็นอย่างดี


ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ มีส่วนผสมของน้ำและสารประกอบทางธรรมชาติสำหรับรักษาอาการปวดบวมอักเสบ ซึ่งสารดังกล่าวถูกนำมาใช้ เป็นส่วนผสมของยาแอสไพริน ดังนั้น การบริโภคเบอร์รี่ที่รสหวานฉ่ำจึงช่วยลดการอักเสบและช่วยถอนพิษจากการเผาไหม้  ของแสงแดดฤดูร้อนได้เป็นอย่างดี


ผักโขม ช่วยได้คลายร้อน   ให้คุณประโยชน์หลัก 2 อย่าง อันดับแรกคือ ผักโขมและผักใบเขียวนอกจากจะอุดมไปด้วยน้ำ ยังเป็นแหล่งสะสมของแมกนีเซียมหนึ่งในแร่ธาตุที่เราสูญเสียไปพร้อมกับเหงื่อที่ถูกขับออกมา  นอกจากนี้ใบสีเขียวเข้มของผักโขม ยังมีสารลูติน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจึงช่วยปกป้องผิวและ สายตาจากการถูกทำลายจากแสงแดด


พริกไทย อาจเป็นตัวเลือกลำดับสุดท้ายของใครหลายๆ คน ที่จะนำมาบริโภคในช่วงอากาศร้อน แต่ในความเป็นจริงเราจะพบว่า พริกไทยที่เผ็ดร้อนสามารถกระตุ้นการขับเหงื่อออกจากร่างกาย ซึ่ฝเมื่อเหงื่อระเหยออกจากผิว  จะทำให้เกิดความรู้สึกเย็นสบายแก่ร่างกายของเราได้อย่างน่าเหลือเชื่อ


สมุนไพรที่เหมาะกับหน้าร้อนก็คือสะระแหน่ เนื่องจากสะระแหนให้ความเย็นแก่ร่างกาย จึงจัดเป็นสมุนไพรเย็นในขณะที่ขิงจัดเป็นสมุนไพรร้อน เพราะจะทำให้ร่างกายร้อน ซึ่งเหมาะที่จะกินในฤดูหนาวมากกว่า นอกจากนั้นสรรพคุณของสะระแหน่ ยังมีอีกมากมาย ใบสะระแหน่นำมาชงเป็นชาดื่มบรรเทาอาการหวัด ขับเหงื่อ ระบายความร้อน ขับลมในลำไส้ และช่วยย่อยอาหาร เพราะสารเมนทอลในสะระแหน่มีคุณสมบัติเย็นใช้รักษาอาการอ่อนเพลีย บรรเทาอาการปวดหัวไมเกรน หลอดลมอักเสบ และหอบหืด เมื่อทราบสรรพคุณต่าง ๆ ของใบสะระแหน่แบบนี้แล้ว ยังจะอยากเขี่ยสะระแหน่ที่อยู่ในอาหารทิ้งกันอยู่รึเปล่าละค่ะ ทานอาหารเพื่อสุขภาพ เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง


เลี่ยงได้ถ้าไม่จำเป็น เพราะจะทำให้คุณเย็น ถ้าหากเลี่ยง 

ในหน้าร้อนควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ให้ความร้อนแก่ร่างกาย เช่น ขิง กระเทียม เนื้อวัว ส้ม มะพร้าว ลิ้นจี่ ต้นหอม หรือหัวหอมใหญ่ เพราะจะทำให้ร่างกายเสียสมดุลและเกิดการเจ็บป่วย

เพราะอาหารพวกนี้เป็นอาหารที่เพิ่มความร้อนให้แก่ร่างกาย จึงไม่เหมะที่จะรับประทานในหน้าร้อน เพื่อรักษาอุณหภูมิในร่างกายของเรา ให้อยู่ในสภาพที่สมดุล ไม่ให้เกิดอาการเจ็บปวด ควรเลือกทานอาหารที่เพิ่มความเย็นให้แก่ร่างกาย หรือน้ำอาหารที่เพิ่มความเย็นมาประกอบอาหาร

ในหน้าร้อน สิ่งที่ต้องระวังที่สุด ก็คือ การกินของเย็น และอยู่ในห้องที่เย็นจัดตลอดเวลา ไม่สมควร
กินน้ำแข็ง ข้าวหรือโจ๊กที่เย็นชืดแล้ว เพราะจะทำให้ท้องเสียได้ง่าย ที่สำคัญจะทำลายระบบย่อยอาหาร
และระบบดูดซึมอาหารด้วยการดื่มน้ำเย็นจัด มีผลกระทบต่อระบบการย่อยอาหาร การหดตัวของหลอดเลือดของอวัยวะภายใน  น้ำเย็นยังไปเจือจางน้ำย่อย มีผลให้เลือดที่มาหล่อเลี้ยงกระเพาะอาหารลดน้อยลง ทำให้เป็นโรคกระเพาะลำไส้อักเสบได้ง่าย และยังพบว่า การดื่มน้ำเย็นยังทำให้เกิดความชื้นสะสมในร่างกาย ทำให้มีลักษณะ ขี้หนาว ปวดร้อน แต่ไม่สามารถขับเหงื่อได้ ปวดข้อ และกล้ามเนื้อ บางครั้งพบว่า มีฝ้าสีขาวบนลิ้นด้วย

ในหน้าร้อน ยามกระหายน้ำ ทุกคนมักนึกถึงน้ำเย็น น้ำแข็ง น้ำอัดลม หรือไอศกรีม ถ้าอยู่บ้านก็มัก
จะใช้วิธีเปิดพัดลมจ่อตัวทั้งวันทั้งคืน หรือไม่ก็ขลุกตัวอยู่แต่ในห้องแอร์ แต่ความเคยชินเหล่านี้ อาจมี
ผลกระทบต่อสุขภาพที่เราคาดไม่ถึง อย่างว้าแหละ เลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง เพื่อรักษาสุขภาพของตัวเราเอง

เมนูอาหารคลายร้อน?
มาดับร้อนง่ายๆ ด้วยอาหารที่ทำได้ด้วยมือเราเอง


1.ข้าวแช่  เมนูอาหารไทยแท้ระดับชาววัง ข้าวแช่อาจหาทานได้ไม่ง่ายนักในปัจจุบัน แต่เจ้าข้าวลอยน้ำดอกไม้อบควันเทียนหอมเย็น รับประทานคู่กับเครื่องเคียงต่างๆ ทั้งลูกกะปิทอด พริกหยวกยัดไส้ หรือปลาหวาน  เมนูนี้ช่วยให้ความสดชื่นหอมอร่อยในวันที่ร้อนอบอ้าวได้ดีทีเดียว





2.บะหมี่เย็นทรงเครื่อง เมนูเส้นคลายร้อนสไตล์ญี่ปุ่นที่คนไทยน่าจะรู้จักกันดี  บะหมี่เย็นทรงเครื่องเป็นเมนูยอดนิยมในฤดูร้อนของชาวญี่ปุ่นทำจากเส้นราเมน ลวก มีเครื่องเคียงหลากหลายเน้นสีสันสวยงามให้สดใสตามฤดูกาลราดด้วยซอสทาเระรสเปรี้ยวเพิ่มความสดชื่น


3.สลัด หันมาดูเมนูเบาๆ ทางฝั่งตะวันตกกันบ้าง เมนูเบาๆ ที่ช่วยเพิ่มความสดชื่น ผักสดเย็นๆ ช่วยเพิ่มน้ำให้กับร่างกาย พร้อมผักและผลไม้ตามฤดูกาลอื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มรสชาติและวิตามิน พร้อมสร้างภูมิคุ้มกันไข้หวัดเมื่ออุณหภูมิร่างกายเปลี่ยนแปลง แถมยังเป็นเมนูคลายร้อนที่เหมาะกับสาวๆ ที่กำลังควบคุมน้ำหนักอีกด้วย


4.เมนูคลายร้อนที่อยากแนะนำอีกอย่าง คือ มะระทรงเครื่อง นอกจากจะเป็นยาดับร้อน ถอนพิษไข้ ยังช่วยแก้กระหายได้อีกด้วย


5.น้ำใบบัวบก  >>  บัวบกทั้งต้น 2 กำมือ / น้ำเชื่อม 8 ช้อนโต๊ะ / น้ำเปล่าต้มสุก ½ ถ้วย
วิธีทำน้ำใบบัวบก แสนง่าย ทานอร่อย
5.1)นำต้นใบบัวบกที่ล้างสะอาด หั่นเป็นท่อนสั้นๆ ใส่ลงในเครื่องปั่นเติมน้ำพอท่วมใบบัวบก
5.2)ปั่นให้ละเอียดกรองเอาแต่น้ำ เติมน้ำอีกครั้งหนึ่ง ที่เหลือคั้นน้ำอีกครั้ง บีบให้หมด
5.3)เติมน้ำเชื่อมชิมรสอาจลดหรือเพิ่มน้ำเชื่อมเล็กน้อยตามชอบ
5.4)นำน้ำบัวบกไปผสมกับน้ำแข็งป่น เสริฟได้เลยจ้า


6.น้ำแตงโม>>เนื้อแตงโม 2 ถ้วยตวง /น้ำตาล 2 ช้อนชา /เกลือป่น 1 ช้อนชา / น้ำต้มสุก 2 แก้ว
วิธีทำน้ำแตงโม ที่ใครๆก็ทำได้
6.1) นำเนื้อแตงโมมาหั่นแล้วสับเป็นชิ้นเล็กๆ ห่อด้วยผ้าขาวบาง
6.2) ปีบคั้นเอาน้ำแตงโมออกมาต้มกับน้ำ ใส่เกลือและน้ำตาลคนให้ละเอียด
6.3) ต้มจนเดือนจึงปิดไฟ ใส่น้ำแข็ง ก็พร้อมเสริฟแล้วจ้า


7.น้ำมะเขือเทศ >> มะเขือเทศผลใหญ่ 4 ผล  /น้ำตาลทรายแดง 4 ช้อนโต๊ะ/เกลือป่น 2/4 ช้อนชา/น้ำแข็งทุบละเอียด 2 ถ้วยตวง
วิธีทำน้ำมะเขือเทศ แสนอร่อย
7.1) ล้างมะเขือเทศให้สะอาด
7.2) หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วใส่เกลือป่น
7.3) ใส่น้ำตาลทรายแดงลงไป
7.4) ปั่นให้ละเอียด ดื่มได้ทันที


ร้อนนี้ดื่มอะไรดี ?
คนจีนมักจะดื่มน้ำชาร้อน ทำให้เหงื่อออก เป็นการรำบายความร้อนออกจากร่างกายได้ดีอีกวิธีหนึ่ง หรือดื่มน้ำสมุนไพรที่มีสรรพคุณแก้ร้อนในคลายร้อน เช่น  ใบบัวบก  ใบสะระแหน่  แตงโม ใบเตย ช่วยดับกระหายและคลายความร้อนในร่างกาย


ทั้งนี้ การดื่มน้ำสมุนไพรไม่ใส่น้ำตาลหรือใส่แต่น้อย เช่น น้ำตะไคร้ จะช่วยขับเหงื่อ ขับปัสสาวะได้ดี  น้ำกระเจี๊ยบ ช่วยรักษาอาการร้อนในภายในช่องปาก น้ำมะพร้าวผสมกับน้ำหวานใส่น้ำแข็งให้สดชื่น กระปี้กระเปร่า ขับเสมหะได้บ้าง บางคนไปเที่ยวทะเลจะได้กินน้ำมะพร้าว เพราะน้ำมะพร้าวสามารถลดอุณหภูมิของร่างกายได้ หากไม่ชอบน้ำสมุนไพร ให้ดื่มน้ำผลไม่คั้นแต่ไม่ต้องเติมเกลือหรือน้ำตาล และทั้งหมดนี้ก็เป็นทางเลือกดีๆ สำหรับอากาศที่ร้อนอบอ้าวแบบนี้ เลือกทางใดทางหนึ่งมาคลายร้อนกันเพื่อที่จะทำให้ร่างกายของเราได้เย็นและผ่อนคลายสบายตัว แต่ถึงแม้อากาศจะร้อนเพียงใด ใจคนก็อย่าร้อนตามนะไม่เช่นนั้นวิธีคลายร้อนไหนๆ ก็ไม่สามารถช่วยได้จ๊ะ






ร้อน ลดร้อน ดับร้อน หายร้อน กระหาย ร้อนโครต หายร้อน ร้อนมาก hot very hot hot degree ,hot temperature, เมนู,อาหารลดร้อน,เครื่องดื่ม,ดับกระหาย,เครื่องดื่มเย็น,เย็นๆ,เย็น,อาหาร,น้ำ,สมุนไพร,
read more