ข้อเสนอพิเศษ ลองดู

Friday 31 August 2012

แกงจีนจ๊วน จวนจะเป็นจีน-อาหารชาววัง

แกงจีนจ๊วน 
าหารชาววัง ผมคิดว่าน่าจะกินกับเส้นขนมจีนได้ เพราะมีกะทิเป็นส่วนประกอบ หากใครอยากกินขนมจีนแปลก จากแกงแบบชาววัง ลองดูครับ อย่าลืมอุดหนุน หนังสือสำนักพิมพ์แสงแดด และอมรินทร์ด้วย ผมเอาข้อมูลเรื่องแกงมาเยอะมาก

ของที่ต้องเตรียม
  1. ไก่ 1 กิโลกรัม
  2. มะพร้าวขูด 1 กิโลกรัม
  3. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำตาลปี๊บ 2 ชต.
  5. ส้มซ่าปอกเปลือกคั้นเอาแต่น้ำ 1/2 ถ้วย
  6. ถั่วลิสงคั่วปอกเปลือก  1/2 ถ้วย
  7. พริกหยวกเม็ดเล็ก  10 เม็ด
เครื่องปรุงน้ำพริก
  1. พริกไทย 20 เม็ด
  2. ดอกจันทร์  1/2 ดอก
  3. ลูกจันทร์ 1/4 ลูก
  4. เมล็ดผักชี 1 ช้อนโต๊ะ
  5. ยี่หรา 1 ช้อนชา
  6. ลูกกระวาน  3 ลูก
  7. กานพลู  3 ดอก
  8. อบเชยยาว 1/4 นิ้ว
  9. พริกแห้งใหญ่แกะเมล็ดออก 10 เม็ด
  10. หอมแดงเผา   10 หัว
  11. กระเทียมเผา 20 กลีบ
  12. ตะไคร่หั่นฝอย  2 ช้อนโต๊ะ
  13. รากผักชีหั่นฝอย  1 ช้อนโต๊ะ
  14. ข่าหั่นฝอย  1 ช้อนชา
  15. กะปิ     1 ช้อนชา
  16. เกลือป่น   1 ช้อนชา   

วิธีทำ

1.ล้างไก่ให้สะอาด  หั่นพอดีคำ มะพร้าวคั้นให้ได้หัวกะทิ 3 ถ้วย หางกะทิ 3 ถ้วย

2.คั่วพริกไทย ดอกจันทร์ ลูกจันทร์ เมล็ดผักชี ยี่หร่า กระวาน กานพลู และ อบเชย ให้เหลือง แล้วโขลกรวมกันให้ละเอียด ตักขึ้น โขลกพริกแห้ง หอม กระเทียม ตะไคร้ รากผักชี ข่า กะปิ เกลือ ให้ละเอียด แล้วตักเครื่องเทศที่โขลกแล้ว มาโขลกรวมให้เข้ากันดี

3. เอาหัวกะทิลงไปเคี่ยวในกระทะให้แตกมัน เอาเครื่องที่โขลกไว้ลงไปผัดให้หอม ใส่ไก่ หางกะทิ พอเดือดปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล น้ำส้มซ่า ชิมรสให้พอดี ใส่ถั่วลิสงคั่ว ใส่พริกหยวกทั้งเม็ด พอพริกสุก ปิดไฟ




-------------------------------------------------------------------



read more

บั๋นหอย อาหารเวียดนามที่ไม่มีหอย (ขนมจีนเส้นแห้ง)

บั๋นหอย (Banh Hoi) หมูสามชั้น หมูกรอบ หมูซีอิ้ว อาหารเวียดนามใต้


เส้นหมี่ที่ติดกันเป็นแผ่นหน้า หมูสามชั้น หมูกรอบ และ หมูซีอิ้ว
เป็นอาหารเวียดนามใต้ เกี่ยวเนื่องกับการของแต่งงาน เนื่องจากคำว่า บั่น แปลว่า ถาม ส่วนคำว่าหอย แปลว่าแต่งงานครับ ถ้ามีงานแต่งงานของคนเวียดนามที่ไหน ต้องมี บั่นหอย อยู่ในงานแต่งเสมอ
บั่นหอย  ที่เรียกกันนั้นความหมาย คือชื่อของแป้ง ที่เอาทำนั่นเอง


บั๋นหอย หมูสามชั้น และ หมูกรอบ


บั๋นหอย หมูซีอิ้ว หรือ ชาชิว (ญี่ปุ่น)


บั๋นหอย (Banh Hoi) เป็นเส้นหมี่ที่ติดกันเป็นแผ่น ตัดเป็นชิ้นพอคำ เป็นอาหารเวียดนามใต้
สาเหตุที่ต้องทำให้เส้นหมี่ติดกันเป็นแผ่น เพราะสะดวกในการทาน
ชาวเวียดนามจะทานบั๋นหอยพร้อมกับผัก วางชิ้นหมู กุ้ง เนื้อไว้ด้านบนสุด ราดด้วยน้ำจิ้ม
บั๋นหอยมีขายทั่วไปในตลาดสดในเวียดนามใต้เท่านั้น ไม่มีขายที่เวียดนามเหนือ
ที่บ้านเราไม่มีขาย แต่ร้านอาหารเวียดนามจีรพรที่ถนนสุทธิสาร มี บั๋นหอยเป็นแผ่นไว้บริการลูกค้า เข้าใจว่าทางร้านทำ บั๋นหอยเอง


Banh Hoi หมูกรอบ ที่เมืองโฮจิมินส์ แผ่น Banh Hoi วางอยู่ด้านนอก หมูกรอบอยู่กลาง


Banh Hoi ที่ซื้อมาจากตลาดสดที่เมืองโฮจิมินส์ ราคา กก. ละ 20 บาท (ถูกมาก)
เขาจะใช้เส้นหมี่ที่มีขนาดเล็กทำ


ไม่ได้ไปเมืองโฮจิมินส์ นานแล้ว อยากจะทานบั๋นหอยขึ้นมา
ก็ต้องมาทำบั๋นหอยทานเอง

ทำง่าย เอาเส้นหมี่มาลวกน้ำร้อนให้นิ่มก่อน
เอาแป้งข้าวเจ้าและแป้งมันผสมกันอัตราส่วน 1:1
ตักแป้งผสมคลุกกับเส้นหมี่
นำเส้นหมี่ไปคลี่เป็นแผ่นบางๆในซึ่งหรือหม้อนึ่ง
นึ่งประมาณ 2 - 3 นาที ความร้อนจะทำให้แป้งยึดเส้นหมี่ติดกันเป็นแผ่น
นำมาตัดเป็นคำๆ



Banh Hoi ที่นึ่งเสร็จแล้วเป็นแผ่น



เส้นหมี่แบบสดหรือแบบแห้งก็ได้ครังนี้ใช้เส้นหมี่สด


เอาเส้นหมี่มาลวกน้ำร้อน จนกระทั่งเส้นนิ่มตอน ทำครั้งแรกเอาเส้นหมี่สดจากถุงมาคลุกกับแป้งไปนึ่งเลย เพราะคิดว่าความร้อนจากไอน้ำจะทำให้เส้นหมี่นิ่ม ผิดคาด เส้นหมี่ออกมาแข็งเหมือนยังไม่ได้ลวดเลย เลยต้องทดลองใหม่ จัดการเอาเส้นหมี่มาลวดน้ำร้อนก่อน แล้วนำไปคลุกแป้ง นึ่ง ใช้ได้ นิ่ม


เส้นหมี่ลวกน้ำร้อน


แป้งข้าวเจ้า + แป้งมัน ผสมกัน อัตราส่วน 1:1



หยิบเส้นหมี่มาพอทำ Banh Hoi 1 แผ่น ตักแป้งใส่ลงไป 1 ช้อน



คลุกเส้นหมี่และแป้งให้เข้ากัน โรยต้นหอมซอยลงไปด้วย



นำเส้นหมี่คลุกแป้งใส่ไปในหม้อนึ่ง
คลี่เส้นหมี่เป็นแผ่นบางๆ



วางจานทับเส้นหมี่ตอนนึ่ง เส้นหมี่จะได้ติดกันเป็นแผ่นๆ
หรือจะใช้ตระแกรงที่ไว้ปิดกระทะกันน้ำมันกระเด็นรองเส้นตอนนึ่งค่ะ ช่วยให้แผ่นสวยและแซะลงจานง่ายมากค่ะ



Banh Hoi ที่นึ่งสุกแล้ว ติดกันเป็นแผ่น เนื่องจากจานสีขาว ดังนั้นต้องเอาใบตองรอง Banh Hoi ก่อน เพราะถ่ายภาพจะได้เห็นชัดๆ



Banh Hoi ทานกับหน้าอะไรก็ได้ ตามชอบ หมูสามชั้นต้ม หมูกรอบ หมูต้มซีอิ้ว ซี่โครงหมูต้ม กุ้ง และ อื่นๆ



หมูสามชั้นต้ม ทำโดยการต้มหมูสามชั้นกับต้นหอม ต้มประมาณ 30 นาที หมูก็นิ่ม ก่อนต้มให้เอาหมูไปลวกน้ำร้อนก่อน เพื่อให้เนื้อหมูสะอาด ไม่มีกลิ่น



หมูกรอบ ซื้อมาจากตลาดยิ่งเจริญ (ราคา 240 บาท/กก.)



เครื่องปรุง

  1. ชาชิว หรือ หมูซีอิ้ว
  2. เครื่องปรุง
  3. - หมูสามชั้น
  4. - สันคอหมู
  5. - ขิง
  6. - ต้นหอม
  7. - เหล้าจีน (เช่าซิง) หรือ เหล้าสาเก
  8. - ซีอิ้วญี่ปุ่น (โชยุ)
  9. - น้ำ



หมูสามชั้นและสันคอหมู



ขิงหั่นเป็นแว่นๆ และต้นหอม



เอาขิงกับต้นหอมไปผัดกับน้ำมันให้หอม



แบ่งเอาหมูสามชั้นและคอหมูลงไปทอด ทอดพอให้ผิวเปลี่ยนสี เท่านั้น



ทอดหมูสามชั้น



ใส่หมูที่ทอดรวมกันในหม้อ เทเหล้าจีน (เช่าซิง) ลงไปประมาณ 100 ซซ



ตามด้วย ซีอิ้วญี่ปุ่น (โชยุ)



ใส่น้ำร้อนลงไปให้ท่วมหมู พอเดือด หรี่ไฟ ตุ๋นประมาณ 45 นาที เนื้อหมูก็เปื่อยนิ่ม



หมูต้มซีอิ้ว/ชาชิว



ตัด Banh Hoi เป็นชิ้นๆ และ หั่นหมูสามชั้นต้ม หมูกรอบ จัดใส่จาน



บั๋นหอย หมูซีอิ้ว หรือ ชาชิว (ญี่ปุ่น)



น้ำจิ้ม ทำจาก กระเทียม น้ำปลา พริกแห้ง น้ำตาล น้ำส้มสายชูหมัก



อาหารเวียดนามต้องมีผักสดแนม



บั๋นหอย หมูสามชั้นต้ม
วางแผ่น บั๋นหอย บนผักกาดหอม เอาหมูวางบนแผ่นบั๋นหอย ใส่น้ำจิ้ม



บั๋นหอยหมูกรอบ



บั๋นหอยหมูสามชั้นซีอิ้ว



บั๋นหอยหมูสันคอซีอิ้ว



บั๋นหอย ซี่โครงหมูอ่อน

ชอบอาหารเวียดนามมากๆๆเลยค่ะ ปกติเส้น เวลาทำ จะใช้หม้อใหญ่ๆต้มน้ำ แล้วก็เอาตะแกรงตาถี่ๆที่ปกติเอาไว้ปิดกระทะตอนทอดเพื่อกันกระเด็นมาวาง   พอเอาเส้นคลุกแป้งเสร็จแล้ว (เคยใช้แป้งมันอย่างเดียว) ก็วางลงไปเกลี่ยให้แบนๆ แล้วก็เอาฝาหม้อมาครอบค่ะ  ใช้ฝาหม้อที่เป็นกระจกจะเห็นชัดดี แล้วพอติดกันดีก็เอาตะเกียบแซะออกมา


ว่างๆ ลองทำดูครับ บั๋นหอย อาหารเวียดนามใต้ ทำง่ายๆ





ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก http://topicstock.pantip.com








read more

Thursday 30 August 2012

ขมิ้นชัน ขาดไม่ได้ในแกงใต้- ต้านมเร็ง

ขมินชันป้องกันโรคมะเร็ง
"Teaspoon of tumeric a day can keep cancers at bay."
ชาวไทยมักนิยมกินขมิ้นชัน โดยการใส่แกงเผ็ดทุกชนิด น้ำยาภาคใต้ ทำให้มีสีเหลืองน่ารับประทาน และดับกลินคาวปลา ทั้งยังทำให้อาหารไม่บูดเน่าง่าย เนื่องจากมีคุณสมบัติต้านจุลินทรีย์

การเลือกและเก็บรักษาขมิ้นชัน

การเลือกซื้อ
เหง้าสด ควรเลือกเหง้าที่มีอายุการปลูกตั้งแต่ 9- 12 เดือน สังเกตได้จากเหง้าขมิ้นจะมีขนาดประมาณนิ้วกลางหรือนิ้วก้อย สีเหลืองเข้มหรือแสด กลิ่นฉุน

ชนิดบดเป็นผง ควรเลือกสีเหลืองเข้มหรือแสด ไม่มีสิ่งเจือปน หากเป็นร้านที่ไม่ดี อาจเอาผงขมิ้นอ้อยมาผสม ซึ่งมีสารออกฤทธิ์ต่างๆน้อยลง
ทางที่ดีแนะนำให้บดเอง โดยเภสัชกรหญิง ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร แห่ง ร.พ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร แนะนำให้ทำดังนี้

1.ซื้อเหง้าขมิ้นชันที่มีอายุการปลูกตั้งแต่ 9- 12 เดือน นำมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นบางๆ

2.วางขมิ้นชันบนตะแกรง นำไปตากในที่ร่มจนกว่าแห้ง หรือจะนำไปอบในเตาไมโครเวฟหรือตุ้อบ โดยใช้ความร้อนไม่เกิน 65 องศาเซลเซียส มิฉะนั้นจะเกิดสารพิษได้

3.บดขมิ้นชันให้เป็นผงละเอียด  เก็บใส่ขวดโหล ที่แห้งสนิท ไม่ควรถูกแสงแดด เพราะจะทำให้สารเคอร์คูมินอยด์ (Curcuminoids)ถูกทำลายไป

4.ไม่ควรเก็บผงขมิ้นชันไว้นานเกินไปเพราะน้ำมันหอม ระเหยจะหายไปหมด จึงควรทำผงขมิ้นชันไว้พอประมาณ






read more

แกงอั่ว อร่อยสุดๆ-อาัหารอนุรักษ์


แกงอั่ว

  1. ปลาช่อนขนาดกลาง  1 ตัว
  2. มะพร้าวขูด  500 กัม
  3. ถั่วฝักยาวหั่นท่อน  15 ฝัก
  4. น้ำปลา  1 ช้อนโต๊ะ


เครื่องปรุงน้ำพริก

  1. พริกแห้งแกะเม็ด  3 เม็ด
  2. หอมแดง     6 หัว
  3. กระเทียม  7 กลีบ
  4. ตะไคร้หั่นฝอย   1 ช้อนโต๊ะ
  5. ข่า  5 แว่น
  6. เกลือป่น  1 ช้อนชา


วิธีทำ
1.ขอดเกล็ดปลา ควักไส้ออก ล้างสะอาด แล้วตัดท่อนหางออกเกือบครึ่ง ต้มให้สุกแล้วแกะเนื้อเตรียมไว้
 ส่วนท่อนหัวหั่นเป็นแว่น พักไว้

2.คั่นมะพร้าวให้ได้หัวกะทิ 1 ถ้วย หางกะทิ 2-3 ถ้วย(ใส่น้ำ 2 ถ้วย)

3.โชลกพริกแกง หอม กระเทียม ตะไคร้ ข่า เกลือ ให้ละเอียด แล้วเอาเนื้อปลาที่แกะไว้มาโขลกรวมให้เข้ากันดี

4.แบ่งหัวกะทิครึ่งถ้วยตั้งไฟพอเดือด  เทเครื่องที่โขลกไว้ลงไปผัดให้หอม ใส่น้ำปลา หางกะทิทั้งหมด ตั้งไฟให้เดือด ใสถั่วฝักยาว ปลา พอสุกใส่หัวกะทิที่เหลือ ปิดไฟ


read more

Tuesday 21 August 2012

แกงเผ็ดไก่ กินกับขนมจีนสูตรท่านผู้หญิง เปลี่ยน ภาสกรวงศ์

ช่วงนี้เริ่มหมดมุข เลยไปหาหนังสือทำอาหารแบบโบราณ
แกงเผ็ดไก่  สูตรท่านผู้หญิง เปลี่ยน ภาสกรวงศ์
         
เครื่องปรุง -

  1. พริกแห้งหนัก 9 สลึง 
  2. ตะไคร้หนัก 2 สลึง 
  3. เกลือหนัก 2 สลึง 
  4. เยื่อเคยแกง 3 สลึง
  5. รากผักชีหนัก สลึง เฟื้อง ผิวมะกรูดหนัก 1 เฟื่อง 
  6. ลูกผักชีหนัก สลึง เฟื้อง ลูกยี่หร่า หนัก 1 เฟื้อง
  7. หัวหอมหนัก 6 สลึง 
  8. กระเทียมหนัก 6 สลึง  
  9. ข่าหนัก 2 ไพ 

สิ่งเหล่านี้โขลกเป็นพริกขิง  

  1. เนื้อไก่หนัก 60 บาท
  2. พริกอ่อนหนัก 3 บาท 
  3. ใบโหระพาหนัก 2 บาท 
  4. ใบมะกรูดหนัก สลึง เฟื้อง 
  5. น้ำมันหมูหนัก 10 บาท
  6. น้ำต้มไก่หนัก 60 บาท




แกงเผ็ดไก่ชาววัง
ภาพจาก  http://www.siamdara.com/VarietyK/00017046.html

วิธีทำ

1. อา เครื่อง พริก ขิง ลง ครกโขลกให้ละเอียด เข้ากัน  เอาไก่มาผ่าท้องทำความสะอาด  หั่นเอาแต่เนื้อ เครื่องในใช้แต่ไต ,กะเพราะ โดยให้ลอกพังพืดออกเสีย  หั่นเป็นชิ้น 4 เหลี่ยม หั่นยาว ตับหั่นเป็นชิ้น
ผ่าหัวใจออกเป็นซีก เอาเลือดเสียออก บาทีก้ใช้เนื้อที่ปีก และเนื้อคอสับให้ละเอียดด้วย ส่นโครงกระดูกนั้น ใช้ต้มเป็นน้ำเชื้อเพื่อทำไก่

2.เมื่อโชลกพริก ขิงเสร็จแล้ว  ให้เอาน้ำมันหมูเทลงในหม้อแกง ขึ้นตั้งไฟ เมื่อน้ำมันร้อนแล้ว ทุบกระเทียม เอาไปเจียว พอเหลือง จึงเอา

พริก ขิง ผัดลงพอทั่ว
3.เอาเนื้อไก่เทลงผัดกับ พริกขิง เหยาะนำปลาดีลงนิดหน่อย พอ มีกลิ่นหอม

4.เอาน้ำเชื้อต้มไก่ ล้างครกพริกขิง เทลงไปด้วย เอานำปลาราด

5.เมื่อแกงเดือดแล้ว เอาพริกอ่อน ใบโหระพา ใบมะกรูด โรยลงไป เอานำตาลเหยาะลงแก้กร่อย ชิม ดูตามแต่จะชอบ เมื่อกแงพลุ่งสุกแล้ว

ยกลงตักบรรจุชามไปตั้งให้รับประทาน

หมายเหตุ- น้ำไก่ต้มเชื้อ ถ้าไม่มีไว้สำหรับครัว ก็เอากะดูกไก่ที่แล่เนื้อแล้วนั้น เคี่ยวต้มต่างหาก เติมหัวหอมเล็ก 2 หัว ถ้ามีหัวหอมใหญ๋

ใช้ครึ่งหัว หัวผักกาดครึ่งหัว พริกไทย 10 เม็ด กาพลู 2 ดอก กับเกลือ หยิบมือหนึ่ง ต้มเคี่ยวไฟอ่อนไปจนกระดูกล่อน จากเนื้อ จึงเอาน้ำ

ต้มไก่มาใช้เป็นเชื้อแกง

แถม การคิด การช่างตวง

๒ สลึง เท่ากับ  ๒ ช้อนชา
๘ บาท เท่ากับ ๔ ช้อนโต๊ะ
๑ เอานซ์(น่าจะเป็นออนซ์?) = ๒ บาท
๑ ปอนด์ ประมาณ ๓๐ บาทเศษ
๑ แกลลอน เท่ากับ ๒ ช่าง  ๑๕ ตำลึงเศษ
 ๑  เฟื้อง   เท่ากับ ๑.๙      กรัม
๑  อัฐ      เท่ากับ  ๐.๒๓๗๕ กรัม
๑  ไพ      เท่ากับ  ๐.๔๗๕  กรัม
๔ ไพ          = ๑    เฟื้อง                            
๒ เฟื้อง       = ๑    สลึง  
๔ สลึง        = ๑    บาท                              
๑  สลึง    เท่ากับ  ๓.๘    กรัม
๔ บาท        = ๑    ตำลึง                            
๑  บาท    เท่ากับ  ๑๕.๒    กรัม
๒๐  ตำลึง     = ๑  ชั่ง                              
๑  ตำลึง   เท่ากับ  ๖๐.๘  กรัม
๕๐  ชั่ง        = ๑   หาบ                              
๑  ชั่ง      เท่ากับ  ๑.๒๑๖  กิโลกรัม
๑  หาบ    เท่ากับ  ๖๐.๘ กิโลกรัม






read more

Thursday 9 August 2012

การทำขนมจีนแป้ง หมัก (จากปลายข้าวเจ้า) สูตรโบราณ

คุณกาญจนา ใบ แก้ว ปัจจุบันอายุ 50 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 14 หมู่ที่ 3 ตำบล หนองแซง
อำเภอหนองแซง จังหวัดสระบุรี จบการศึกษาชั้นประถม 4 ประกอบอาชีพ เกษตรกรรม
บนพื้นที่ประมาณ 40 ไร่คือการทำนาข้าว เป็นข้าวนาปรัง สำหรับ ความสามารถโดดเด่นของ
คุณกาญจนา ใบแก้ว

คือการทำขนมจีนแป้ง หมัก (จากปลายข้าวเจ้า) สูตรโบราณ ซึ้งได้รับการถ่ายทอดจาก บรรพบุรุษ
อย่างเช่น ภาคอีสาน เรียก ข้าวปุ้น ภาคเหนือ เรียก ขนม เส้น สำหรับการทำเส้นขนมจีนก็ จะมีวิธีการ
ทำแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบที่ใช้ แต่ที่ชุมชนบ้าน หนองน้ำกล้า ตำบลหนองแซง
อำเภอหนองแซง จังหวัดสระบุรี โดยคุณกาญจนา ใบ แก้ว ได้บอกถึงวิธีการทำเส้นขนมจีน
จากปลายข้าวเจ้า เป็นเส้นขนมจีนสูตรโบราณ ด้วยวิธีการทำดังนี้



วัตถุดิบ 
-ปลายข้าวเจ้า (50 กิโลกรัม ทำเส้นขนมจีนได้ประมาณ 300 กิโลกรัม)
-แป้งมัน
-สารส้ม

ขั้นตอนการทำ 
1. เริ่มจากการนำปลายข้าวเจ้า ไปแช่น้ำเปล่า ทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง

2. หลังจากครบ 2 ชั่วโมง สงปลายข้าวเจ้าที่แช่น้ำใส่กระบุง หรือตระกล้า พักให้สะเด็ดน้ำ แล้วนำไป
ผึ่งแดดปิดฝาทิ้งไว้ประมาณ 2-3 วัน โดยลาดน้ำให้ชุ่มทุกวัน เช้า-เย็น จนกว่าข้าวจะเปื่อย

3. นำข้าวที่เปื่อยแล้ว มาโม่ด้วยเครื่องโม่ ให้เป็นน้ำแป้ง จากนั้นกรองด้วยผ้าขาวบาง เพื่อเอากากออก แล้วนำสารส้มมาแกว่งจนให้ได้น้ำใส จากนั้นเทน้ำทิ้ง ให้เหลือแต่แป้ง

4. นำเนื้อแป้งที่ได้ มาใส่ในถุงผ้า แล้วนำไปต้มจนกว่าน้ำจะแห้ง และได้เป็นก้อนแป้ง

5. นำก้อนแป้งที่ได้ มาคลึง ให้เป็นลูกกลมๆ เท่าขนาดลูกบอล แล้วห่อด้วยผ้าขาวบาง นำไปต้มจนกว่าแป้งจะสุก ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ให้เนื้อแป้งสุก แล้วพักให้เย็น

6. นำแป้งที่ต้มสุกแล้ว ไปปั่นด้วยเครื่องปั่น ผสมน้ำพอประมาณ ค่อยผสมน้ำ พอให้เหนียว เติมแป้งมันลงไป ปั่นจนได้ลักษณะเนื้อแป้งเป็นโคลน (ก้อนแป้งต้มสุก 8 กิโลกรัม / แป้งมัน 1 กก.)

7. จากนั้นนำแป้งที่ปั่นได้ที่แล้ว มานวดด้วยมือ ขณะนวดให้เติมน้ำอุ่น ทีละน้อยๆ จนลักษณะคล้ายกับครีมเหนียว จากนั้นกรองด้วยผ้าอีกครั้งหนึ่งก่อนนำไปบีบเป็นเส้นขนมจีน

8. ตักแป้งใส่ในภาชนะที่เรียกว่าเฝือน แล้วบีบให้แป้งผ่านรู ลงในหม้อน้ำเดือด

9. สังเกตเมื่อเส้นขนมจีนสุกก็จะลอยขึ้นมา เมื่อเส้นขนมจีนลอยขึ้นมา ก็ใช้ตระกล้าตักเส้นขนมจีนไปล้างในน้ำเย็น ประมาณ 2-3 น้ำ

10. นำเส้นขนมจีนที่ล้างน้ำเย็น 2-3 น้ำแล้ว นำไปแช่น้ำเย็น เพื่อการจับเส้นขนมจีนใส่ตระกล้า ใช้มือสาวเส้นขนมจีน จับเล็ก-ใหญ่ ตามความต้องการ ใส่ลงในกระจาดหรือตระกล้า ที่รองด้วยใบตองด้านข้าง และใช้ใบมะยมรองก้นกระจาด พร้อมส่งจำหน่าย

หมายเหตุ : เฝือนเป็นอุปกรณ์สำหรับใช้ในการบีบเส้นขนมจีน โดยทำมาจากแผ่นทองเหลืองเจาะรู
เย็บด้วยผ้าดิบโดยรอบ



read more

สลัดปลาขนมจีน ของอร่อยน่าลอง

ส่วนผสม
  1. เนื้อปลากระพงขาวหรือแดง ประมาณ 300 กรัม
  2. เส้นขนมจีนจำนวนพอเหมาะ 
  3. ผักสลัด ผักแพว ผักติ้ว โหระพา ใบสะระแหน่ ผักชี จำนวนพอเหมาะ 
  4. พริกชี้ฟ้าแดงซอยบาง 

ส่วนผสมสำหรับหมักปลา
  1. กระเทียม 8-10 กลีบ
  2. รากผักชี 2-3 ราก
  3. ขมิ้นยาว 1 นิ้ว 1 แง่ง
  4. เกลือ พริกไทยอย่างละประมาณ 1 ช้อนชา
  5. น้ำปลาประมาณ 1 1/2-2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
ตำกระเทียม รากผักชี ขมิ้นให้เข้ากัน นำไปหมักปลา ใส่เกลือ พริกไทย น้ำปลา และคลุกให้เข้ากัน หมักนานประมาณ 1 ชั่วโมง นำมาย่าง หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมใหญ่พอคำ เตรียมไว้

เรียงปลาที่เตรียมไว้ใส่จาน ม้วนขนมจีนให้เป็นวงเล็กพอคำ ใส่ผักที่เตรียมไว้ และดอกไม้ ตกแต่งให้สวยงาม ก่อนเสิร์ฟราดน้ำจิ้ม





ส่วนผสมน้ำจิ้ม
  1. พริกชี้ฟ้าแดงกรีดเม็ดออก 2 เม็ด
  2. กระเทียม 3 กลีบ
  3. น้ำส้มสายชู 1/2 ถ้วย
  4. น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
  5. น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
  6. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
  7. น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ 
วิธีทำ
ตำพริกกับกระเทียมให้ละเอียด ใส่ส่วนผสมอื่นๆ ยกเว้นน้ำมะนาว ตั้งไฟพอน้ำตาลละลาย ชิมรส ยกลงจากเตาบีบมะนาวให้มีกลิ่นหอมขึ้น


อ่านเพิ่มเติมในคอลัมน์ Recipe นิตยสาร Health & Cuisine ปีที่ : 6 ฉบับที่ : 61 เดือน : กุมภาพันธ์ 2549




read more

อันตรายขนมจีน-ผลตรวจวิเคราะห์ "ขนมจีน"

นอกจาก “ข้าว” และ “ก๋วยเตี๋ยว” จะเป็นอาหารที่คนไทยบริโภคกันเป็นประจำทุกวันแล้ว “ขนมจีน” ก็เป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งที่คนไทยนิยมบริโภคไม่แพ้กัน จึงมีคำถามตามมาว่า ขนมจีนที่มีจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดขณะนี้มีความสะอาด ปลอดภัย มากน้อยเพียงใด ?

ด้วยเหตุนี้ ดร.ทิพย์วรรณ ปริญญาศิริ ผอ.กองควบคุมอาหาร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และทีมงาน จึงได้ดำเนิน “โครงการสำรวจสถานการณ์ความพร้อมของสถานที่ผลิตขนมจีน เพื่อบังคับใช้มาตรฐานจีเอ็มพี” โดยการสุ่มเก็บตัวอย่างขนมจีนจากแหล่งผลิตทั่วประเทศเพื่อนำมาตรวจวิเคราะห์

ดร.ทิพย์วรรณ บอกว่า ที่ผ่านมาหน่วยเคลื่อนที่เพื่อความปลอดภัยด้านอาหาร กองควบคุมอาหาร ดำเนินการเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ขนมจีนจากสถานที่ผลิต จำนวน 59 ตัวอย่าง มาตรวจวิเคราะห์การปนเปื้อนทางด้านจุลินทรีย์ เบื้องต้นคือ ตรวจจำนวนจุลินทรีย์ทั้งหมด (Total Plate Count) โคลิฟอร์มแบคทีเรีย (Coliforms) เอชเชอริเชีย โคไล (Escherichia coli) สแตฟฟิโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) และบาซิลลัส ซีเรียส (Bacillus cereus)

ผลการตรวจวิเคราะห์ พบว่า มีตัวอย่างผลิตภัณฑ์ขนมจีนผ่านเกณฑ์จำนวน 54 ตัวอย่าง คิดเป็น 91.52% โดยเมื่อพิจารณาตัวอย่างที่ไม่ผ่านเกณฑ์จำนวน 5 ตัวอย่างจำแนกตามรายการตรวจวิเคราะห์พบว่า มีการปนเปื้อนจำนวนจุลินทรีย์ทั้งหมด กล่าวคือ ขนมจีนดังกล่าวมีการปนเปื้อนจุลินทรีย์ในปริมาณค่อนข้างมาก อาจเป็นเพราะผลิตมานานแล้ว ใกล้เสีย เริ่มมีกลิ่นบูด จำนวน 3 ตัวอย่าง มีการปนเปื้อนโคลิฟอร์มแบคทีเรีย 2 ตัวอย่าง มีการปนเปื้อนเอชเชอริเชีย โคไล 2 ตัวอย่าง และมีการปนเปื้อน สแตฟฟิโลคอคคัส ออเรียส 1 ตัวอย่าง ทั้งนี้การรับประทานขนมจีนที่มีการปนเปื้อนจุลินทรีย์อาจทำให้ท้องเสียได้




ส่วนผลการตรวจวิเคราะห์วัตถุกันเสีย หรือสารกันบูดในตัวอย่างผลิตภัณฑ์ขนมจีน คือ กรดเบนโซอิก และกรดซอบิกในผลิตภัณฑ์ขนมจีน ได้เก็บตัวอย่างจำนวน 77 ตัวอย่างส่งตรวจวิเคราะห์ พบว่ามีตัวอย่างผ่านเกณฑ์จำนวน 76 ตัวอย่าง คิดเป็น 98.70% ซึ่งตัวอย่างที่ไม่ผ่านเกณฑ์จำนวน 1 ตัวอย่างนั้นพบว่ามีการใช้กรดเบนโซอิกเกินมาตรฐานที่ อย.อนุญาตให้ใช้ได้ คือ เกิน 1,000 พีพีเอ็ม (ppm.)

หรือ 1,000 ส่วนในล้านส่วน ซึ่งการรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของสารกันบูดในปริมาณที่มากเกินมาตรฐาน ตับและไตก็ต้องทำงานหนัก หากร่างกายกำจัดออกมาไม่หมดก็จะสะสมในร่างกาย ส่งผลให้การทำงานของตับและไตลดลงจนเกิดปัญหาตามมาได้


ผลการตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ขนมจีนข้างต้น ชี้ให้เห็นว่า มีตัวอย่างที่ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานเป็นการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์บ่งชี้สุขลักษณะ และการใช้วัตถุกันเสียที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งเจ้าหน้าที่หน่วยเคลื่อนที่ฯ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดได้ให้คำแนะนำด้านสุขลักษณะการผลิต และวิธีการใช้วัตถุกันเสียแก่ผู้ประกอบการในแต่ละสถานที่ผลิต

เพื่อดำเนินการปรับปรุงและสามารถผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัย หากผลิตภัณฑ์ขนมจีนที่ผลิตขึ้นนั้น มีผลการตรวจวิเคราะห์จากห้องปฏิบัติการมาตรฐานซึ่งพบการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรคหรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพจะถือว่าเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายอาหารไม่บริสุทธิ์ตามมาตรา 26 ของพ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522 ซึ่งถือว่าฝ่าฝืนมาตรา 25 (1) มีโทษตามมาตรา 58 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


ดร.ทิพย์วรรณ แนะนำวิธีเลือกซื้อขนมจีนว่า ควรเลือกขนมจีนที่ขายแบบวันต่อวัน บรรจุในตะกร้า หรือภาชนะที่สะอาด ปิดผนึกมิดชิด ควรหลีกเลี่ยงการซื้อขนมจีนจากผู้ขายที่ใช้มือหยิบเพราะถ้ามือไม่สะอาด เป็นแผลอาจมีการปนเปื้อนของเชื้อโรคได้ นอกจากนี้เส้นขนมจีนจะต้องไม่เละ หรือเปื่อยยุ่ย ไม่มีกลิ่นบูด สีของขนมจีนต้องดูสดใหม่ ส่วนที่หลายคนสงสัยว่า ระหว่างขนมจีนสีขาวใส หรือสีขาวขุ่นแบบแป้งหมัก จะเลือกแบบใดนั้น ขอเรียนว่า แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน เพราะสีดังกล่าวเป็นสีของข้าวที่นำมาผลิตว่าเป็นข้าวเก่าหรือข้าวใหม่เท่านั้น

สรุปว่า ขนมจีนที่เรา ๆ ท่าน ๆ รับประทานกันอยู่ทุกวันนี้ก็ยังคงมีความปลอดภัยเกือบ 100% มีส่วนน้อยเท่านั้นที่อาจมีการปนเปื้อนจุลินทรีย์ และใส่สารกันบูดมากจนเกินไป.



read more

Supreme Thai ขนมจีนกึ่งสำเร็จรูปเส้นข้าวกล้อง Delicious Authentic Thai Cuisine

ขนมจีนกึ่งสำเร็จรูปเส้นข้าวกล้อง
เนื่องจากขนมจีนเป็นอาหารที่มีอายุการเก็บรักษาสั้นเพียง 1-2 วัน จึงไม่สามารถเก็บรักษาและส่งจำหน่ายไปยังพื้นที่ห่างไกลหรือส่งออกไปต่างประเทศได้ จึงมีการคิดที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ขนมจีนแห้งกึ่งสำเร็จรูป เพื่อช่วยถนอมรักษาผลิตภัณฑ์ให้สามารถเก็บได้นาน มีน้ำหนักเบา สะดวกในการขนส่ง และเก็บเป็นเสบียงในการเดินทางไกลหรือส่งออกไปต่างประเทศ

เพื่อให้คนไทยในต่างแดนและชาวต่างชาติที่ชอบอาหารไทยสามารถรับประทานเส้นขนมจีนแท้ร่วมกับน้ำยา โดยการต้มในน้ำเดือดประมาณ 8-10 นาที ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคมีความสะดวกที่จะรับประทานขนมจีนที่ถูกสุขอนามัยและปลอดภัยได้ตลอด จากการทดลองผลิตเส้นขนมจีนสดด้วยกรรมวิธีแบบดั้งเดิมที่มีปัญหาในการแยกเส้นไม่ให้ติดกันและด้านคุณภาพของเส้น

จึงทำให้มีการคิดกรรมวิธีใหม่ในการผลิตเส้นขนมจีนอบแห้งจากข้าวเจ้าไทยแท้ โดยเริ่มจากการอบแห้งพันธุ์ข้าวไทยแท้ที่มีปริมาณอะมิโลส สูงกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ จากนั้นทำความสะอาดปลายข้าวเจ้า แช่และหมักข้าวประมาณ 3-4 วัน แล้วบดข้าวพร้อมน้ำจนได้น้ำแป้งและน้ำในปริมาณที่เหมาะสม แล้วนึ่งแป้งให้สุกซึ่งใช้ปริมาณน้ำในการนึ่งแป้งให้สุกประมาณ 20-25 เปอร์เซ็นต์ ของน้ำหนักแป้งชื้น แล้วนำแป้งมานวดขึ้นรูปเส้นขนมจีนแบบเส้นตรงหรือก้อนสี่เหลี่ยม สำหรับสภาวะที่เหมาะสมในการทำแห้งเส้นขนมจีนอยู่ที่อุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียส นาน 30 นาที แล้วอบแห้งที่อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส นาน 1 ชั่วโมง


จากการทำขนมจีนอบแห้งแบบกึ่งสำเร็จรูปที่ทำจากแป้งข้าวเจ้า ใช้วิธีทำแห้ง 2 วิธีคือ การอบแห้งในตู้อบแบบถาด (ได้เส้นขนมจีนค่อนข้างแข็ง สีเหลืองนวล) และการใช้วิธีแช่แข็ง-คืนรูปแล้วจึงอบแห้งในตู้อบแบบถาด(ได้เส้นขนมจีนค่อนข้างเปราะ สีขาวขุ่น) และจากการเก็บขนมจีนอบแห้งไว้ในถุงพอลิเอทิลีน 3 สัปดาห์ พบว่า ขนมจีนอบแห้งทั้ง 2 แบบ จะดูดซึมความชื้นภายในถุงเพิ่มขึ้นจนมีความชื้นของเส้นประมาณร้อยละ 8 จึงคงที่

สำหรับการบริโภคเส้นขนมจีนชนิดเส้นตรงนั้นจะต้องมีการคืนรูปโดยการแช่ขนมจีนในน้ำ 5 นาที แล้วต้มในน้ำเดือดนาน 8 นาที โดยไม่ต้องแช่น้ำ ส่วนขนมจีนชนิดก้อนสี่เหลี่ยมจะแช่ในน้ำ 5 นาที แล้วต้มในน้ำเดือดนาน 10 นาที และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ขนมจีนอบแห้งกึ่งสำเร็จรูปได้คำนึงถึงความแข็งแรงในการป้องกันการแตกหักของเส้นขนมจีน ความสะดวกในการนำออกมาบริโภค และมีสีสันสวยงามน่าสนใจ รวมทั้งสื่อความหมายและให้ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการบริโภคได้อย่างถูกต้อง


บริษัท พาราดีส ฟูดส์ จำกัด
PARADIS FOODS CO.,LTD.
68 หมู่ 5 ถนนลาดปลาเค้า แขวงอนุสาวรีย์  เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 10220
68 Moo 5 Ladplakao Road, Anusaowaree, Bangkaen,  Bangkok 10220
Tel / Fax : 02-971-6952 , 081-344-8588

From : http://www.greenshopcafe.com/supremethai.php




read more

ขนมจีนเส้นม้วน รสชาติเด็ดโดนใจ อร่อยราคาเบาๆ


หากนักชิม ชาวสนุก! ท่องเที่ยว มีโอกาสแวะผ่านไปแถวรามคำแหง ย่านชุมชนที่มีร้านอาหารใต้ขึ้นชื่ออยู่หลายเจ้า แล้วสนใจจะหา เมนูขนมจีน อร่อยๆ ชิมรองท้องในยามเช้า เที่ยง บ่าย หรือเย็นกับเขาบ้าง ก็สามารถแวะไปชิมกันได้ที่ร้าน ขนมจีนเส้นม้วน เส้นขนมจีนที่หลายคนอาจไม่คุ้นชื่อและหน้าตา แต่ขอบอกว่า เป็นเส้นขนมจีนที่หากินได้ยากและอร่อยมาก เพราะมีต้นตำรับมาจากภาคใต้นู้น...



ขนมจีนเส้นม้วน เป็นเส้่นขนมจีนสูตรเฉพาะ ที่ชาวภาคใต้จะทำกินกันในตอนเทศการสำคัญๆ เท่านั้น อีกทั้งมีวิธีการทำที่ยุ่งยากและใช้เวลาในการทำค่อนข้างนาน คือ ใช้วิธีนวดแป้งด้วยมือ จึงทำให้เส้นขนมจีนมีความเหนียวนุ่มหนึบ ทำให้เวลากินกับน้ำยาจะรู้สึกว่าเคี้ยวเพลินและอร่อยกว่าเส้นขนมจีนทั่วไป



ขนมจีนเส้นม้วน จะมีเส้นขนาดใหญ่กว่าเส้นขนมจีนปกติ ทำให้น้ำยาในร้านทุกชนิดของร้านนี้ต้องคิดค้นสูตรขึ้นมาเฉพาะ โดยส่วนผสมของน้ำยาจะความเข้มข้นของเครื่องแกงสูง ใช้เนื้อปลาทะเลสดใหม่ทุกวัน และจำนวนมาก ทำให้ได้น้ำยาที่เข้มข้นและรสชาติกลมกล่อมออกมาถูกใจนักชิมนั่นเอง



ร้านขนมจีนเส้นม้วน มีน้ำยาให้เลือกหลายอย่างตามความชอบของนักชิม เช่น น้ำยากะทิปลาทะเล รสชาติเข้มข้นจัดจ้าน น้ำยาเขียวหวานหมูย่าง ที่ใครๆ ก็บอกว่าอร่อยมว๊ากก น้ำยาน้ำพริกกุ้งสด ใส่เนื้อกุ้งเน้นๆ เต็มๆ คำ น้ำยาไตปลาสูตรนราธิวาส หอมไตปลาและเครื่องแกงอย่างแรงส์  ยิ่งกินกับเครื่องเคียงเป็นผักสดนานาชนิด รสชาติกรอบหวานและไข่ต้ม ที่กินคู่กันแล้วอร่อยจังฮู้ !!!



นอกจากขนมจีนแล้วทางร้านยังมีอาหารตามสั่งให้เลือกชิม โดยเน้นวัตถุดิบชั้นดีจากหลายแหล่ง เช่น กุนเชียงจากเยาวราช แฮมและเบคอนจากเยอรมัน มาสร้างสรรค์เป็นเมนูอร่อยเช่น ข้าวผัดกุนเชียง เมี่ยงเส้นม้วน โดยราคาเริ่มต้นเพียงแค่จานละ 35 บาทเท่านั้น แแถมรสชาติที่รับรองได้ว่าไม่เป็นสองรองใครแน่นอน ส่วนบรรยากาศร้านก็สบายๆ มีที่จอดรถไว้คอยรองรับ แล้วนักชิมจะรู้ว่า ขนมจีนเส้นม้วน ร้านนีเด็ดจนสั่งมาชิมจานเดียวไม่พอนะเออ


ที่ตั้ง: ณัฐณิชา เพลส รามคำแหง 27/1 ใกล้ๆ กับบิ๊กซี สาขารามคำแหง
เวลาเปิด-ปิด: 11.00-20.30 ทุกวัน
ราคาโดยประมาณ: 42-80 บาทต่อคน
ที่จอดรถ: มี (จอดได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง)
โทรศัพท์: 08-9663-2969


From: http://www.bloggang.com





read more

ขนมจีนกระโดก ตำบลหมื่นไวย นครราชสีมา ขนมจีนชื่อตลกแต่อร่อยไว

ขนมจีนประโดก ผลิตภัณฑ์ประจำตำบลหมื่นไวยเพราะ ประโดกเป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่สุดในตำบล
คนส่วนใหญ่ที่เป็นคนรุ่นเก่าผลิตขนมจีนกันมาเป็นเวลานาน
มีสูตรโดยเฉพาะซึ่งไม่เหมือนกับขนมจีนโดยทั่วไปทั้งเส้นขนมจีนและน้ำยาซึ่งจะมีการผลิตที่เป็นเอกลักษณ์ของขนมจีนประโดกโดยแท้จริง

การผลิตแต่ละส่วนผสมและขั้นตอนจะใช้ความประณีตและและพิถีพิถันในเรื่องของเครื่อง
ปรุงกรรมวิธีในการผลิตเพื่อเป็นการรักษาไว้ซึ่งเอกลักษณ์และความแตกต่างจากที่อื่น
เป็นสาเหตุที่ทำให้ชาวตำบลหมื่นไวยคัดเลือกผลิตภัณฑ์นี้
ขึ้นมาเป็นผลิตภัณฑ์ 1ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ (OTOP)
ก็เพราะว่าขนมจีนประโดกมีความแตกต่างจากขนมจีนจากที่อื่นทำให้ขนมจีนประโดก
มีชื่อเสียงและเป็นที่จดจำของบุคคลทั่วไปมาจนถึงทุกวันนี้

 

เอกลักษณ์ของขนมจีนประโดกเส้นขาววาว มีรสชาติไม่เหมือนใคร เก็บไว้ได้ 2-5 วัน

เพราะทำจากแป้งหมัก


 รางวัลที่ได้รับ
1.OTOP Product Champion 2549 3 ดาว C
2.ตราสัญญลักษณืจังหวัด
3.ร้านอาหารปลอดภัย
4.รางวัลชนะเลิศการประกวดนำยา




ได้รางวัล OTOP




1.สมาชิก กลุ่มขนมจีนประโดกได้ระดมหุ้นจากสมาชิก และกู้ยืมเงินบางส่วนจาก กองทุนหมู่บ้าน 
กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตมาร่วมกันทำธุรกิจชุมชนในรูปกลุ่มขนมจีนร่วมกันโดยมีระเบียบข้อบังคับของกลุ่มที่ได้จากการจัดเวทีประชาคมสมาชิกเป็นแนวทางในการดำเนินงานซึ่งสามารถตรวจสอบได้ และสมาชิกสามารถนำผลผลิตในชุมชนมาจำหน่ายให้กลุ่มเช่น ปลาผัก สมุนไพร

2.เครือข่าย กลุ่มอาชีพขนมจีนประโดกประกอบด้วยหลายกลุ่มองค์กรที่ร่วมมือกันในการผลิต การจำหน่าย การแปรรูปและการส่งเสริมความรู้ทางวิชาการรวมถึงเป็นแหล่งเงินทุน ได้แก่กองทุนหมู่บ้านกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต ร้านขนมจีนต่างๆ ในตำบล โรงเรียนในหมู่บ้านส่วนราชการในตำบล
ซึ่งมีการร่วมมือกันในการพัฒนาและจัดกิจกรรมต่างๆ อยู่เสมอนอกจากนี้การผลิตขนมจีนยังเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ให้แก่ สมาชิกในชุมชนได้อีกทางหนึ่งด้วยเมื่อสิ้นปียังได้จัดสรรผลกำไร
บางส่วนดูและผู้ด้อยโอกาสในชุมชนอีกด้วย


การเตรียมอุปกรณ์ทำขนมจีนประโดกมีดังนี้

1.อ่างล้างข้าวเป็นอ่าวปูนที่ใช้สำหรับล้างข้าวสารเพื่อทำให้ข่าวสารอ่อนตัวลง
ก่อนที่จะไปทำกรรมวิธีต่อไป

2.อ่างหมักเป็นอ่านปูนที่มีลักษณะเช่นเดียวกับอ้างล้างข้าวแต่มีวิธีการใช้ที่แตกต่างอ่างหมักข้าวใช้สำหรับหมักข้าวสารเจ้าที่เป็นข้าวเมล็ดหัก หรือที่เรียกว่าปลายข้าว
เนื่องจากน้ำสามารถซึมเข้าไปได้ง่าย และใช้เวลาหมักประมาณ 2 วัน

3.เครื่องโม่ไฟฟ้าเป็นเครื่องที่ใช้สำหรับบดหรือโม่ข้าวที่ผ่านการหมักเมื่อโม่เสร็จ
จะได้น้ำแป้งข้นสีขาว แต่เนื้อแป้งยังไม่ละเอียด

4.กะละมังใช้สำหรับใส่น้ำแป้งที่ผ่านการโม่จากเครื่องโม่ไฟฟ้าและ
เพื่อที่จะนำไปกรองแป้งยังเครืองกรองแป้งไฟฟ้า

5.เครื่องกรองแป้งเป็นที่ใช้สำหรับกรองแป้งที่ผ่านการโม่แป้งเนื่องกรรมวิธีข้างต้น
จะยังไม่ได้แป้งที่ละเอียด จึงต้องนำน้ำแป้งมาเข้าเครื่องกรองแป้ง
เพื่อให้ได้แป้งที่ละเอียดขึ้นโดยทิ้งไว้ประมาณ 1 วัน

6.ถุงผ้าดิบใช้สำหรับการนำแป้งที่ผ่านการกรองใส่ถุงผ้าด้ายดิบเพราะมีความเหนียว
 ทนทาน มีช่องว่างระหว่างเส้นใย ตั้งทิ้งไว้ 1 คืน

7.หินใช้สำหรับทับแป้งโดยการนำแป้งที่ตกตะกอนและรินน้ำใสออกแล้ว มาใส่ถุงผ้าด้ายดิบ
ปิดปากถึงให้แน่น แล้วทับด้วยของหนัก(นิยมใช้หินในการทับ)ทิ้งไว้ 1 คืน เพื่อกำจัดน้ำออก

8.เตาต้มแป้งเป็นเตาต้มที่มีลักษณะเตาดินหรือเตาปูนใช้สำหรับการต้มแป้ง
เริ่มด้วยการนำแป้งที่ทับแห้งแล้วมาวางบนเสวียนและหย่อนลงไปต้มในน้ำเดือด
ใช้เวลาต้มประมาณ 30 –40 นาที

9.เครื่องนวดแป้งหรือตีแป้งใช้สำหรับการก้อนนำแป้งที่ต้มแล้วและพักไว้จนเย็น
มาใส่เครื่องตีแป้งไฟฟ้าตีแป้งให้ละเอียด และเม็ดแป้งแตกมากขึ้น

10.ผ้าขาวบางในขั้นตอนการกรองหรือการครูดแป้งเพื่อที่จะกำจัดเม็ดแป้งที่เหลืออยู่ให้หมดไป ทำให้ไม่มีปัญหาในการโรยเส้น การกรองนิยมใช้ผ้าขาวบางกรอง โดยการนำแป้งที่นวดหรือตีจนละเอียดแล้วเทใส่ในผ้าขาวบาง รวบชายผ้าเข้าหากัน และหมุนผ้าเป็นเกลียว

11.เครื่องโรยเส้นขนมจีนเป็นเครื่องที่มีถังเก็บแป้งและมีเครื่องมือในการโรยเส้นติดอยู่ด้านข้างของถังเป็นลักษณะคล้ายก๊อกน้ำ ใช้มอเตอร์ในการบีบเส้นขนมจีน เมื่อเดินเครื่อง น้ำแป้งจะผ่านแว่นลงในหม้อที่มีน้ำเดือดอยู่การบีบเส้นแต่ละครั้งนั้น จะดูตามความเหมาะสม ประมาณ 15 วินาทีจะบีบเส้นได้ประมาณครั้งละ 1 – 1.5 กิโลกรัม

12.การคัดเลือกข้าวเพื่อใช้ทำเส้นเขนมจีนนั้นถือเป็นขั้นตอนแรกของกระบวนการผลิตเส้นขนมจีน โดยต้องคำนึงถึงปัจจัยเช่น พันธ์ข้าว แหล่งที่ปลูก วิธีการปลูก วิธีการสีข้าวและอายุการเก็บ มีผลต่อสภาวะการผลิต สี และลักษณะของเนื้อสัมผัสของเส้นขนมจีนข้าวที่นิยมนำมาใช้ทำเส้นขนมจีนประโดก ดังนี้


การเตรียมวัตถุดิบ
1.ข้าวเหลืองประทิวข้าวเหลืองประทิว เป็นพันธุ์ข้าวพื้นเมือง ซึ่งเก็บรวงมาจากนาชาวนาในอ.เมือง จ.เพชรบุรี เพื่อพ.ศ.2498 แล้วนำไปปลูกคัดพันธุ์บริสุทธิ์ตามสถานีทดลองข้าวต่างๆ จนกระทั่งได้สายพันธุ์เปรี้ยว เมล็ดข้าวมีคุณภาพดีมาก ผ่านคณะกรรมการพิจารณาพันธุ์ได้เมื่อปี พ.ศ.2508 ให้ชื่อเหลืองประทิว 123

2. ข้าวตาแห้ง ข้าวตาแห้ง เป็นพันธุ์ข้าวพื้นเมืองที่ชนะการประกวดเมื่อ พ.ศ. 2494 ได้นำไปปลูกคัดเลือกแบบคัดพันธุ์บริสุทธิ์ตามสถานีทดลองข้าวต่าง ๆ ทั่วประเทศ และได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการพิจารณาพันธุ์ข้าว ให้ใช้ขยายพันธุ์ได้เมื่อ พ.ศ. 2499 และได้ยกเลิกไปเมื่อ พ.ศ.2506 เนื่องจากเป็นพันธุ์ที่ไม่ต้านทานโรคไหม้ แต่เป็นพันธุ์ข้าวที่เมล็ดคุณภาพดี โรงสีรับซื้อและให้ราคาดี จึงเป็นที่นิยมปลูกของชาวนามาโดยตลอด และได้นำกลับมาให้ใช้ขยายพันธุ์ใหม่ในปี พ.ศ. 2506 จนถึงปัจจุบัน

3. ข้าวชนิดปลายข้าวเจ้าปลายข้าวเจ้าหรือข้าวหัก หมายถึง เมล็ดข้าวเจ้าที่บางส่วนหักออกไปเพราะการสีข้าว

- ข้าวหักใหญ่ (Big Broken) หมายถึงเมล็ดข้าวที่บางส่วนหักออกไปเพราะการสีข้าว และคงเหลือเมล็ดยาว 5 ส่วนขึ้นไปของเมล็ดเต็มแต่ไม่ถึง 8 ส่วนตามขนาดของเมล็ดที่เรียกว่า ต้นข้าว
- ข้าวหัก (Broken) เมล็ดข้าวที่หักมากเหลือเมล็ดขนาดความยาวตั้งแต่ 2.5 ส่วน แต่ไม่ถึง 5 ส่วน ของเมล็ดเต็ม
- ปลายข้าว (Small Broken) หมายถึง เมล็ดข้าวที่ได้หลังการสีเมล็ดข้าวหักมากกว่าชนิดที่ 2 โดยมีขนาดความยาวต่ำกว่า 2.5 ส่วนของเมล็ด

จุดเด่น

- การทำขนมจีนประโดกต้องทำจากแป้งหมักทำให้เก็บได้นาน จะเป็นมันวาว
- ส่วนน้ำยาของขนมจีนประโดกมีรสชาติเข้มข้นและอร่อยมาก ความเข้มข้นและอร่อยนั้น
ทางกลุ่มได้คัดสรรคุณภาพวัตถุดิบที่จะมาประกอบเป็นน้ำยาชนิดต่างๆให้มีคุณภาพ

อีกทั้งยังไม่มีสารกันบูดดังนั้นรสชาติความเข้มข้นและอร่อยไม่เคยจางแม้แต่วันเดียว

ทางกลุ่มยังคำนึงสุขภาพของผู้บริโภคให้ผู้บริโภคได้รับประทานอาหารที่สุดและสะอาดอีกด้วย



กลุ่มผู้ผลิต ศูนย์ผลิตและจำหน่ายขนมจีนอบแห้งและน้ำยาผงกึ่งสำเร็จรูปตำบลหมื่นไวย
สถานที่ผลิต เลขที่ 9 หมู่ที่ 3 บ้านโนนตาสุก ตำบลหมื่นไวย อำเภอเมืองนครราชสีมา 
จังหวัดนครราชสีมา 30000 โทรศัพท์ 0-4472-3533
ประธานกลุ่ม นางอำไพ วิทยากุล


เส้นทางคมนาคม
รถยนต์ จากกรุงเทพใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1(พหลโยธิน)แยกเข้าทางหลวงหมายเลข2 (มิตรภาพ)
ที่จังหวัดสระบุรีเรื่อยไปจนถึงจังหวัดนครราชสีมาระยะทาง 259 กม.แยกซ้าย
เข้าถนนนครราชสีมา- ขอนแก่นประมาณ 2 กม.ถึงสี่แยกเลี้ยวซ้ายเข้าเขตตำบลหมื่นไวย
รถประจำทางสาย 7 สายหมื่นไวย


ร้านค้าในตำบล 2 ข้างทาง เช่น
1.ร้านหม่อดิ๋น
2.ร้านขนมจีนแม่พลอย
3.ร้านขนมจีนครูยอด
4.ร้านขนมจีนพื่นาง
5.ร้านขนมจีนต้นมะละกอ

แวะผ่านที่ไหนลองไปชิมนะครับ ช่วยกันสนับสนุน OTOP ขอดีของไทยครับ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.otoptoday.com/wisdom/provinces/northeastern/นครราชสีมา/131349487401





read more