ข้อเสนอพิเศษ ลองดู

Friday 27 September 2013

ส้มตำกรอบ

ส่วนผสมมะละกอทอด
  • มะละกอขูดเส้น 1 ถ้วยตวง
  • แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ
  • แป้งมันสำปะหลัง 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันพืชสำหรับทอด 1-2 ถ้วยตวง
  • น้ำเย็นเล็กน้อย 

ส่วนผสมส้มตำ
  • ถั่วฝักยาวหั่นท่อน 1 นิ้ว 10 ท่อน
  • มะเขือเทศสีดาหั่นชิ้น 3 ลูก
  • กุ้งแห้ง 1 ช้อนโต๊ะ
  • เมล็ดมะม่วงหิมพานต์อบ 10 เม็ด
  • พริกขี้หนู 2 เม็ด
  • กระเทียม 4 กลีบ
  • น้ำปลา 3 1/2 ช้อนชา
  • น้ำตาลปี๊บ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะนาว 3 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ
  1. ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมันสำปะหลังเข้าด้วยกัน ใส่เส้นมะละกอลงคลุกเคล้ากับแป้ง
  2. เติมน้ำเย็นลงในแป้งพอแป้งจับตัวกับเส้นมะละกอ
  3. ตั้งน้ำมันให้ร้อน ใส่เส้นมะละกอลงทอดให้เหลืองกรอบ ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน
  4. โขลกพริกขี้หนู กระเทียมพอแหลก ใส่ถั่วฝักยาว มะเขือเทศโขลกให้พอช้ำๆ ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ น้ำมะนาว คลุกเคล้าให้เข้ากัน
  5. จัดมะละกอทอดใส่จาน ราดด้วยน้ำยำส้มตำ โรยหน้าด้วยกุ้งแห้ง เมล็ดมะห่วงหิมพานต์ พร้อมจัดเสิร์ฟ
หมายเหตุ
การคลุกแป้งกับเส้นมะละกอไม่ควรคลุกมากหรือน้อยเกินไป จะทำให้ความกรอบของเส้นมะละกอ

read more

เนื้อย่างซอสญี่ปุ่น

ส่วนผสม
  • เนื้อวัว เนื้อสันติดมัน หนาชิ้นละ 3 มม. 300 กรัม
  • ต้นหอมญี่ปุ่น (ต้นใหญ่) 1 ต้น
  • งาขาวคั่ว 1 ช้อนชา
  • พริกซอย เล็กน้อย
  • น้ำมัน 
  • น้ำส้มสายชู (ญี่ปุ่น) 3 ช้อนโต๊ะ
  • โชยุ 3 ช้อนโต๊ะ
  • มิริน 3 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาล 1/2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
  1. หั่นเนื้อเป็นชิ้น ชิ้นละประมาณ 3 ซม.
  2. ผสมเครื่องปรุงทั้งหมด คนให้เข้ากัน
  3. ตั้งกระทะแบนใส่น้ำมันเล้กน้อย นำเนื้อลงย่าง เทส่วนผสมของเครื่องปรุงลงไป กลับเนื้อให้สุกเกรียมเล็กน้อยทั้ง 2 ด้าน ระวังอย่าให้ไหม้
  4. หั่นต้นหอม ใช้ส่วนก้าน เป็นท่อนลงบนกระทะพร้อมกับเนื้อให้พอเกรียมเล็กน้อย
  5. จัดเนื้อและต้นหอมลงจาน ราดน้ำซอสที่เหลือในกระทะลงไป โรยงาขาวและพริกซอย

read more

เมี่ยงคำ

ส่วนผสม
  • กุ้งแห้งโขลกละเอียด 1/2 ถ้วย
  • ข่าหั่นละเอียด 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • ตะไคร้หั่นฝอย 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • มะพร้าวขูดคั่วให้เหลือง 1/2 ถ้วย
  • หอมแดงซอย 1/4 ถ้วย
  • น้ำตาลปีบ 1/2 ถ้วย
  • น้ำปลา 1/2 ถ้วย
  • กะปิห่อใบตองเผา 2 ช้อนชา

วิธีทำ
  1. โขลกข่า ตะไคร้ หอมแดง ให้และเอียด ใส่กะปิโขลกเข้าด้วยกัน ใส่น้ำปลา น้ำตาล และเครื่องที่โขลกลงในหม้อ ตั้งไฟ เคี่ยวพอเหนียว ใส่กุ้งแห้ง มะพร้าวคั่ว เคี่ยวต่อให้ค้น ยกลง ตักใสถ้วย
  2. จัดเสิร์ฟ ให้จัดเครื่องเมี่ยงแต่ละอย่างลงในถ้วยเล็กพร้อมกับใบชะพลูล้างสะอาด และน้ำเมี่ยง เพื่อให้แต่ละคนจัดเมี่ยงกินกันเอง

read more

สเต็กหมูบราวน์ซอส

เครื่องปรุง
  • เนื้อหมูติดกระดูก (พ็อคชอพ) 1 ชิ้น
  • น้ำมันมะกอก 1-2 ช้อนโต๊ะ
  • แครอท 1/2 หัว
  • บร็อกโคลี 3-4 ช่อ
  • ถั่วหวาน 5 ฝัก
  • พาร์สเล่สับ 1 ช้อนชา
  • พริกไทยป่น, เกลือป่น เล็กน้อย
  • ผักสลัดตามชอบ 
  • บราวน์ซอส 

วิธีทำ
  1. ลวกแครอท บร็อกโคลี ถั่วหวาน พอสุกตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำแล้วนำลงผัดกับน้ำมันมะกอก ตักขึ้น
  2. โรยเกลือป่น พริกไทยป่น พาร์สเลสับบนชิ้นหมู นำลงกริลล์ในกระทะที่มีน้ำมันมะกอกเล็กน้อย พอสุกตักขึ้น
  3. จัดเสิร์ฟคู่กับผักลวกน้ำมันมะกอก ผักสลัด ราดด้วยบราวน์ซอส

ส่วนผสมบราวน์ซอส (Brown Sauce)
  • กระดูกวัว - เศษเนื้อวัว 1 กิโลกรัม
  • น้ำมันพืช 1/4 ถ้วยตวง
  • หอมใหญ่สับหยาบ 1/2 ถ้วยตวง
  • แครอทสับหยาย 1/2 ถ้วยตวง
  • ก้านขึ้นฉ่ายฝรั่งสับหยาบ 1/4 ถ้วยตวง
  • ก้านผักชีฝรั่งหั่นหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ
  • แป้งสาลี 2-3 ช้อนโต๊ะ
  • เนื้อมะเขือเทศเข้มข้น (Tomato Paste) 2 ช้อนโต๊ะ
  • พริกไทยดำ 1 ช้อนโต๊ะ
  • โรสแมรี่ 1 ช้อนชา
  • ใบกระวาน 3-4 ใบ
  • ไทม์ 1/2 ช้อนชา
  • น้ำสต๊อกสีน้ำตาล 10 ถ้วยตวง
  • ครีมข้น 2 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือป่น 
  • พริกไทยป่น 

วิธีทำ
  1. อบกระดูกวัวและเศษเนื้อวัวให้เหลืองเข้มเป็นสีน้ำตาล
  2. ผัดหอมใหญ่ แครอท ก้านขึ้นฉ่ายและก้านผักชีฝรั่งกับน้ำมันพืช พอผักเริ่มนิ่มใส่แผ้งสาลีผัดด้วยไฟอ่อนให้แป้งเป็นสีน้ำตาล ใส่เนื้อมะเขือเทศเข้มข้นผัดต่อจนกระทั่งแห้งและมีสีน้ำตาลเข้มขึ้น ใส่พริกไทยดำ โรสแมรี่ ใบกระวาน ไทม์ กระดูกวัวและเศษเนื้อวัวที่อบไว้ ผัดให้เข้ากัน เติมน้ำสต๊อกเคี่ยวต่อจนกระทั่งงวดเหลือประมาณ 2 1/2 -3 ถ้วยตวง ยกลงกรองเอาเฉพาะน้ำซอส จะได้ซอสสีน้ำตาลข้นๆ
  3. นำซอสที่ได้ขึ้นตั้งไฟอีกครั้ง ปรุงรสด้วยเกลือป่น พริกไทยป่นและครีมข้น
  4. จัดเสิร์ฟกับสเต็กหมู

ที่มา :: นิตยสาร แม่บ้าน
read more

เต้าหู้สอดไส้น้ำแดง

ส่วนผสม
  • ฟองเต้าหู้แผ่น 500 กรัม
  • หน่อไม้ 300 กรัม
  • แครอท 300 กรัม
  • พริกหยวก 300 กรัม
  • เห็ดหอม 300 กรัม
  • มันแกว 300 กรัม
  • น้ำมัน 20 กรัม
  • ผักกาด 300 กรัม
  • เกลือ พริกไทยขาว 
  • ซีอิ๋วขาว 

ส่วนผสมซอส
  • น้ำมันหอย 50 กรัม
  • ซีอิ๊วขาว 50 กรัม
  • ผงปรุงรส 10 กรัม
  • ต้นหอม 20 กรัม
  • เหล้าจีน 50 กรัม

วิธีทำ
  1. ตั้งกระทะกับน้ำมันพอร้อน ใส่หน่อไม้ เห็ดหอม แครอท พริกหยวก มันแกว 
  2. ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย และซีอิ๋วขาว แล้วผัดให้เข้ากัน พักไว้
  3. นำเครื่องที่ผัดมาม้วนในฟองเต้าหู้แผ่นให้แน่น
  4. นำไปนึ่งกับผักกาด พักไว้

วิธีทำซอส
  1. ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่ส่วนผสมของซอส แล้วเคี่ยวจนได้ที่
  2. ยกเสิร์ฟพร้อมเต้าหู้สอดไส
read more

แฮมชีสโครเก็ต

ส่วนผสม
  • ชีสคาร์ฟหั่นเป็นลูกเต๋า 1/3 ถ้วยตวง 
  • แฮมหั่นเป็นสี่เหลี่ยม 1 ถ้วยตวง 
  • ถั่วแขกหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าลวกพอสุก 1/3 ถ้วยตวง 
  • แครอทหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าต้มสุก 1/3 ถ้วยตวง 
  • มันฝรั่งหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าต้มสุก 1/3 ถ้วยตวง 
  • หอมใหญ่หั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าผัดพอสุก 1/3 ถ้วยตวง 
  • ขนมปังแผ่นหั่นหรือฉีก 1 แถว 
  • น้ำมันพืชสำหรับทอด 
  • เนย 
  • ซอสพริกทาบัสโก้ 
  • แป้งสาลี 
  • เกลือ/พริกไทย 
  • นมสด 
  • ชีสขูด

วิธีทำ
  1. ตั้งกระทะใส่เนยและแป้งสาลี ผัดแป้งให้สุกแต่ไม่เหลืองเรียกว่า Roux ใส่นมสดลงไปทีเดียว ทั้งหมด คนด้วยไม้ตีไข่จนกระทั่งซอสข้น ใส่ชีสลงไปคนให้เข้ากัน 
  2. ใส่แฮม ถั่วแขก แครอท มันฝรั่ง หอมหัวใหญ่ และชีสเข้าด้วยกัน 
  3. ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย และซอสทาบัสโก้ ชิมรสชาติเค็ม ๆ มัน ๆ ยกลงจากเตาทิ้งไว้ให้เย็น 
  4. ตักส่วนผสมที่อยู่ในกระทะที่เย็นแล้ว 1 ช้อนโต๊ะพูน ๆ ลงไปใส่ในถาด ที่มีขนมปังที่ฉีก หรือ หั่น แล้วเอาขนมปังมาโปะและห่อหุ้มส่วนผสมของโครเก็ตใช้อุ้งมือประกบให้ส่วนผสมเป็น ก้อนกลม ๆ แน่นและไม่หลุดเมื่อเรียบร้อยแล้วนำไปพักไว้ในถาด ใส่ตู้เย็น
  5. เมื่อจะรับประทาน นำกระทะใส่น้ำมันมาก ๆ ตั้งไฟร้อนปานกลาง แล้วนำโครเก็ตที่อยู่ในตู้เย็น มาทอดจนกระทั่งเหลืองและกรอบ ตักออกจากน้ำมันและวางลงบนกระดาษซับมัน เสิร์ฟร้อน ๆ รับประทานกับสลัด
read more

หมี่กะทิทรงเครื่อง

ส่วนผสม
  • มะพร้าว 600 กรัม
  • เต้าหู้แข็งสีขาว 2 แผ่น
  • ต้นกุยช่าย 10 ต้น
  • น้ำปลา 2-3 ช้อนโต๊ะ
  • ซอสมะเขือเทศ 1/4 ถ้วยตวง
  • กุ้งสด 400 กรัม
  • ถั่วงอก 500 กรัม
  • เส้นหมี่ชนิดแห้ง 500 กรัม
  • เนื้อหมู 300 กรัม
  • เต้าเจี้ยวดำ 1/2 ถ้วยตวง
  • พริกชี้ฟ้าแดง 1 เม็ด
  • น้ำมะขามเปียก 2-3 ช้อนโต๊ะ
  • ไข่เป็ด 1 ฟอง
  • หอมแดงหั่นหยาบๆ 1/2 ถ้วยตวง
  • ผักชี 1 ต้น
  • น้ำตาลมะพร้าว 1/4 ถ้วยตวง
  • ผักสด (หัวปลี ใบบัวบก มะนาว)
  • พริกป่น

วิธีทำ
  1. คั้นมะพร้าวให้ได้กะทิ 5 ถ้วยตวง
  2. กรอกไข่ให้เป็นแผ่นบางๆ แล้วม้วนหั่นฝอย
  3. ล้างเนื้อหมูให้สะอาดหั่นชิ้นโตพอควร
  4. ล้างกุ้ง ปอกเปลือกเหลือหางไว้ ผ่าหลังดึงไส้ดำออก
  5. หั่นเต้าหู้เป็นชิ้นสี่เหลี่ยม โตและยาวพอควร
  6. โขลกหัวหอมและเต้าเจี้ยวให้ละเอียด
  7. ล้างถั่วงอก เด็ดรากไว้รับประทานสด 1 ส่วน ส่วนที่เหลือเก็บไว้สำหรับผัด
  8. ล้างต้นกุยช่าย ตัดเหนือโคนขาวขึ้นไปสักประมาณ 2 1/2 นิ้ว ไว้รับประทานสด ส่วนที่เหลือตัดเป็นท่อนยาวประมาณ 1/2 นิ้ว ไว้สำหรับผัด
  9. ล้างผักชีเด็ดเป็นใบๆ ไว้สำหรับแต่งหน้า
  10. เด็ดขั้วพริก ล้างแล้วหั่นฝอยไว้สำหรับแต่งหน้า
  11. ตั้งน้ำให้เดือด ใส่เส้นหมี่ลงไปลวกพอนิ่ม ตักขึ้นแช่ในน้ำเย็น เทใส่ตะแกรงให้สะเด็ดน้ำหรือจะแช่น้ำให้นิ่ม แล้วเทใส่ตะแกรงให้สะเด็ดน้ำ
  12. เคี่ยวกะทิให้แตกมัน ใส่หอมแดงที่โขลกไว้ผัดจนหอม ใส่หมูกุ้ง เต้าหู้ ลงไปผัดจนสุก ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำตาลมะพร้าว น้ำมะขามเปียก ซอสมะเขือเทศ พริกป่น ชิมรส เมื่อรสดีแล้วตักพักไว้ครึ่งหนึ่งสำหรับราดหน้า ส่วนที่เหลือใส่เส้นลงไปผัดให้เข้ากัน ชิมรสอีกครั้งหนึ่ง พอรสดีแล้วใส่ถั่วงอก ใบกุยช่าย ผัดให้เข้ากัน ตักใส่จาน ราดหน้าด้วยน้ำปรุงที่แบ่งไว้ แต่งหน้าด้วยไข่หั่นฝอย ผักชี พริกชี้ฟ้าแดง รับประทานกับผักสด เช่น ถั่วงอก หัวปลีต้นกุยช่าย ใบบัวบกและมะนาว

read more

ปลาเก๋าสามรส

ส่วนผสม
  • ปลาเก๋าขนาดใหญ่ 1 ตัว
  • พริกชี้ฟ้าแดง-เหลือง
  • กระเทียมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันพืชสำหรับผัดและทอดปลา 1 ถ้วย
  • คึ่นฉ่ายหั่นเป็นท่อนๆ 1/4 ถ้วย
  • ใบมะกรูดหั่นฝอย 2 ใบ

วิธีทำ
  1. ขอดเกล็ดปลา ควักเครื่องในออก ล้างให้สะอาด ใช้มีดบั้งแต่พองาม
  2. นำพริกชี้ฟ้า กระเทียม ใส่ครกโขลกพอแหลก
  3. ใส่น้ำมันลงในกระทะตั้งไฟให้ร้อน ทอดปลาให้เหลืองกรอบ ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน
  4. ใส่น้ำมันลงในกระทะตั้งไฟให้ร้อน ใส่เครื่องที่โขลกเอาไว้ ใส่ใบมะกรูดหั่นฝอยตามลงไป ผัดจนมีกลิ่นหอม
  5. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล น้ำมะขามเปียกข้นๆ เสร็จแล้วนำไปราดบนตัวปลา โรยหน้าด้วยคึ่นฉ่าย พร้อมเสิร์ฟ

read more

ข้าวหมูแดง

เครื่องปรุง 
  • หมูเนื้อแดงติดมันเล็กน้อย 500 กรัม
  • ผงหมูแดงปรุงสำเร็จ 1 ซอง
  • น้ำมันงา 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
  • กระเทียมสับหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ
  • เหล้าจีน 1 ช้อนโต๊ะ
  • ต้นหอมตัดสั้น 5 ต้น
  • แตงกวาปอกเปลือกหั่นเป็นแว่น 
  • ผักชีเด็ดเป็นช่อ 1/4 ถ้วย
  • ไข่ไก่ต้มสุก 3 ฟอง
  • ข้าวสวย 5 ถ้วย

ส่วนผสมน้ำหมูแดง
  • กระดูกสำหรับต้มน้ำซุป 1 ช้อนโต๊ะ
  • ซีอิ๊วขาว 4 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทรายแดง 4 ช้อนโต๊ะ
  • ซอสมะเขือเทศ 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
  • งาขาวคั่วให้หอม 1/2 ถ้วย
  • แป้งมันละลายน้ำ 1/4 ถ้วย

เครื่องปรุง
  • ซีอิ๊วดำ พริกชี้ฟ้าดองน้ำส้ม

วิธีทำ

  1. ล้างเนื้อหมูแดงให้สะอาด หมักกับผงปรุงรสหมูแดง กระเทียม น้ำผึ้ง น้ำมันงา เหล้าจีน คนส่วนผสมน้ำหมักให้เข้ากัน หมักหมูทิ้งไว้ประมาณ 30 - 45 นาที
  2. นำหมูที่หมักไว้แล้วไปย่างด้วยไฟกลาง ขณะย่างพรมด้วยน้ำหมักหมูไปด้วย ย่างพอให้ข้างในสุกฉ่ำน้ำ ผิวนอกพอเกรียมสวย พักไว้
  3. ปอกเปลือกไข่ต้มให้สะอาด ล้างน้ำอีกครั้ง ผ่าเป็น 4 ส่วนด้วยด้ายขึงตึง
  4. ล้างกระดูกให้สะอาด ใส่หม้อน้ำแช่ไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง นำขึ้นตั้งไฟอ่อน พอเดือดเคี่ยวต่ออีกประมาณ 30 นาที จึงช้อนกระดูกออก
  5. ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำตาลทรายแดง ซอสมะเขือเทศ คนให้ส่วนผสมละลาย ชิมรสดูให้ออกหวาน เค็มตามชอบ
  6. ละลายแป้งมันกับน้ำสะอาด เทลงขณะน้ำราดเดือดจัด คนให้น้ำราดออกข้นเหนียว ใส่น้ำมันงาลอยหน้าลงโรยงาคั่วคนให้เข้ากัน

เวลาเสิร์ฟ ตักข้าวสวยใส่จาน หั่นหมูแดงที่ย่างสุกวางบนข้าว ไข่ต้มผ่าซีก เรียงแตงกวาฝานลงด้านข้าง ราดหน้าด้วยน้ำหมูแดง โรยผักชีเด็ดเป็นช่อตกแต่งให้สวย เสิร์ฟพร้อมกับต้นหอมและซีอิ๊วดำ พริกน้ำส้ม
read more

แกงกะหรี่ไก่

เครื่องปรุง
  • สะโพกไก่ 5 ชิ้น
  • กะทิ 1 กระป๋อง
  • น้ำพริกแกงกะหรี่ 2 ช้อนโต๊ะ
  • มันฝรั่ง 2 หัว
  • หอมหัวใหญ่ ? หัว
  • ซีอิ้วขาว (หรือน้ำปลา) 2 ? ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 1 ถ้วย

วิธีทำ

  1. ปลอกเปลือกมันฝรั่ง ล้างน้ำให้สะอาด สะเด็ดน้ำแล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า พักไว้
  2. ปลอกเปลือกหอมหัวใหญ่ ล้างน้ำให้สะอาด สะเด็ดน้ำ แบ่งครึ่ง แล้วซอยหยาบๆ พักไว้
  3. นำหัวกะทิประมาณ 1 ถ้วยใส่ลงในหม้อตั้งไฟปานกลาง พอกะทิเริ่มเดือดให้ใส่น้ำพริกแกงกะหรี่ลงไป คนให้เข้ากัน
  4. เคี่ยวไปซักพักจนกะทิแตกมัน (คนเป็นระยะ อย่าให้ไหม้) จึงใส่สะโพกไก่ที่ล้างสะอาดแล้วลงไป 
  5. รอให้สะโพกไก่สุกทั้งสองด้านจึงใส่กะทิที่เหลือลงไป คนให้เข้ากัน
  6. เคี่ยวสะโพกไก่ที่ไฟปานกลางค่อนข้างอ่อนประมาณ 15 นาที จึงใส่มันฝรั่งและหอมหัวใหญ่ที่หั่นไว้ลงไป
  7. เติมน้ำเปล่าลงไป คนให้เครื่องทั้งหมดเข้ากันแล้วจึงปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว (หรือน้ำปลา) และน้ำตาลทราย
  8. คนให้ทั่ว ชิมรสตามชอบแล้วเคี่ยวต่อไปอีกประมาณ 15-20 นาที จนมันฝรั่งเริ่มนิ่มและสะโพกไก่เปื่อยได้ที่ก็ปิดเตาและยกลงได้

read more

Thursday 26 September 2013

อาหารเจ ผัดหมี่จักรพรรดิ

ส่วนผสม (สำหรับ 5 ที่)

  • ซอสปรุงอาหารตราแม็กกี้ 2 ช้อนโต๊ะ 
  • น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
  • กะหล่ำปลีซอย 1 ถ้วยตวง
  • เห็ดหอมแห้งแช่น้ำหั่นชิ้นพอคำ ? ถ้วยตวง
  • แครอทหั่นเส้นเล็กๆ 1 ถ้วยตวง
  • เส้นหมี่ซั่วต้มสุก 2 ถ้วยตวง
  • หน่อไม้ฝรั่ง 1/2 ถ้วยตวง
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
  • พริกไทยป่น 1 ช้อนชา


ขั้นตอนการทำ: ใส่น้ำมันพืชลงกระทะ ตามด้วย เห็ดหอมลงไป ผัดพอมีกลิ่นหอมเติมซอสปรุงอาหารตราแม็กกี้ 1 ช้อนโต๊ะ ผัดพอเข้ากัน จากนั้นใส่เส้นหมี่ซั่วลงไป ปรุงรสด้วย ซอสปรุงอาหารตราแม็กกี้ อีก 1 ช้อนโต๊ะผัดให้เข้ากัน สุดท้ายใส่แครอท หน่อไม้ฝรั่ง และกะหล่ำปลีลงไปผัดพอสุกยกลงใส่จานพร้อมรับประทาน
read more

ผงชูรส

ผงชูรสเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมรสชาติของ อาหารอย่างมีประสิทธิภาพมานานเกือบ ศตวรรษ องค์ประกอบหลักของผงชูรส คือ กรดอะมิโน ที่มีชื่อว่า "กรดกลูตามิก" หรือ "กลูตาเมต" ซึ่งเป็นส่วนประกอบตามธรรม-ชาติที่พบได้ในอาหารแทบทุกชนิด เราจะมา ทำความรู้จักกับผงชูรสให้มากขึ้นอย่างถูก ต้อง รวมไปถึงวิธีใช้ผงชูรสในการปรุงอาหาร อย่างเหมาะสมอีกด้วย

ผงชูรสผลิตจากอะไร
ผงชูรสผลิตจากกระบวนการหมักเช่น เดียวกับเบียร์ น้ำส้มสายชู หรือโยเกิร์ต โดย กระบวนการผลิตจะเริ่มต้นจากการหมักกาก น้ำตาลจากอ้อย หรือน้ำตาลจากแป้งมัน สำปะหลัง ซึ่งเป็นวัตถุดิบธรรมชาติโดยผลิต ภัณฑ์สุดท้ายที่ได้จะเป็นผลึกขาวบริสุทธิ์ ละลายน้ำได้ง่าย และเข้ากับอาหารได้ทุก ชนิด

จะใช้ผงชูรสในการปรุงอาหารอย่างไร
ผงชูรสจะช่วยเสริมรสชาติของอาหาร หลากหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ อาหารทะเล หรือผัก โดยจะช่วยให้อาหารมี รสชาติเด่นชัดขึ้น อาหารจำพวกซุป แกงจืด เกรวี่สำหรับราดสเต็ก น้ำจิ้มต่างๆ ก็เป็น ตัวอย่างของอาหารที่มีรสชาติที่อร่อยมากขึ้น เมื่อเติมผงชูรสในปริมาณที่เหมาะสม ผงชูรส เป็นสารปรุงแต่งรสอาหารที่ใช้ได้อย่างปลอด ภัย และจะเข้ากันได้ดีกับอาหารรสเค็มและ เปรี้ยว แต่จะมีผลน้อยมากเมื่อเติมในอาหาร รสหวานและขม การเติมผงชูรสลงในอาหาร ก็คล้ายกับ การเติมเครื่องปรุงรสทั่วๆ ไป เช่น เกลือ น้ำตาล และพริกไทย โดยปริมาณ การใช้ผงชูรสอย่างเหมาะสมจะอยู่ในระดับ เดียวกับปริมาณกลูตาเมตในอาหารธรรมชาติ คือ 0.1 - 0.8% ของอาหาร หรืออาจกล่าวได้ ว่าประมาณผงชูรส 1 ช้อนชาเหมาะที่จะใช้ใน การปรุงอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ 1 กิโลกรัม หรือ ปรุงอาหารจำพวกผักและซุปหรือแกงจืด 1 หม้อ สำหรับเสิร์ฟ 4 - 6 ที่

นอกจากนี้ผงชูรสเองก็มีคุณสมบัติจำกัด ตัวเองในด้านรสชาติเช่นเดียวกับเกลือ พริก ไทย และน้ำส้มสายชู การใช้สารปรุงรส เหล่านี้เกินกว่าปริมาณ ที่เหมาะสมจะไม่ ช่วยให้รสชาติดของอาหารดีขึ้น เห็นได้จาก การใส่เกลือหรือพริกไทยในอาหารในปริมาณ ที่มากเกินไป ก็จะทำให้อาหารเค็มเกินไป มี รสชาติไม่เป็นที่ปรารถนา

ซึ่งเมื่อมาพิจารณาปริมาณกลูตาเมตที่ เติมลงไปในอาหารเพื่อเพิ่มรสชาติแล้ว จะ พบว่ามีปริมาณเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับ ปริมาณกลูตาเมตทั้งหมดที่เราได้รับในแต่ละ วัน โดยเฉลี่ยมนุษย์จะได้รับกลูตาเมตจาก อาหารโปรตีน 10 กรัม และกลูตาเมตอิสระ อีกกว่า 1 กรัมต่อวัน นอกจากนี้ร่างกายยัง สามารถสร้างกลูตาเมตอิสระได้เอง เพื่อใช้ ในระบบอื่นๆ อีกวันละ 50 กรัม แต่กลูตาเมต ที่ได้รับจากการเติมผงชูรสลงในอาหารจะอยู่ ที่ 1.5 กรัมหรือ 0.1 ช้อนโต๊ะ / คน / วันเท่านั้น

ผงชูรสกับนิวคลีโอไทด์
นอกจากกลูตาเมตเป็นสารให้รสชาติที่มี ในธรรมชาติแล้วในเห็ดหอม เนื้อสัตว์ ปลา และกุ้งนั้น ก็ยังมีสารที่ให้รสของอูมามิอีก กลุ่มหนึ่งที่มีชื่อว่า นิวคลีโอไทด์อยู่ด้วย สาร ในกลุ่มนี้ได้แก่ อิโนซิเนต (Inosimate) และ กัวนิเลต (Guanylate) และเมื่อลองนึกถึงราย การอาหารที่เราคุ้นเคย เช่น ผัดผักคะน้ากับ ปลาเค็ม ผัดผักกระเฉดใส่หมูกรอบ ผัดผักกาดขาวใส่เห็ดหอม หรือพิซซ่าซึ่งมีมะเขือ เทศกับชีส ที่หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมการ จับคู่ของผักกับเนื้อสัตว์ในการปรุงอาหารจึง ทำให้เกิดรสชาติอร่อยที่เราชื่นชอบได้คำตอบ ก็คือ จากความชาญฉลาดในการปรุงอาหาร ของบรรดาพ่อครัวแม่ครัว ในการจัดคู่ผักที่ เป็นแหล่งของนิวคลีโอไทด์เพื่อช่วยให้อาหาร มีรสชาติอร่อยมากยิ่งขึ้นนั่นเอง จะเห็นได้ว่า อัตราส่วนที่เหมาะสมของอาหารที่เป็นแหล่ง ของกลูตาเมตและนิวคลีโอไทด์จะช่วยให้ อาหารมีรสชาติดีกว่า เมื่อมีอาหารดังกล่าว อย่างใดอย่างหนึ่ง
read more

ขนมปังหน้ากุ้ง

ส่วนผสม
  • ขนมปัง 6 แผ่น
  • กุ้งสดแกะเปลือกผ่าหลังเอาไส้ดำออก สับละเอียด 100 กรัม
  • หมูสับละเอียด 100 กรัม
  • ไข่ขาว 2 ช้อนโต๊ะ
  • แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ 1/2 ช้อนชา
  • พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
  • เหล้าจีน 1 ช้อนชา
  • น้ำมันงา 2 ช้อนชา
  • น้ำขิงคั้น 1/2 ช้อนชา
  • ซีอิ้วขาว 1 ช้อนชา
  • ซอสแม็กกี้ 1 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
วิธีทำ
  1. ผึ่งขนมปังให้แห้ง ตัดขอบแข็งๆ ออก
  2. นำกุ้ง เนื้อหมู ผสมรวมกัน ใส่ไข่ขาว แป้งข้าวโพด เกลือ พริกไทย เหล้าจีน น้ำมันงา น้ำขิง ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว ซอสแม็กกี้ คนให้เข้ากัน
  3. นำเนื้อกุ้งที่ผสมแล้ววางบนขนมปัง ก่อนนำไปทอด
  4. นำน้ำมันใส่กะทะ พอน้ำมันร้อน นำขนมปังลงทอดโดยวางคว่ำหน้าขนมปังลง ทอดให้เหลืองทอง วางบนกระดาษซับน้ำมัน ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วหั่นเป็นเส้นๆ กินคู่กับน้ำจิ้มแยมผิวส้ม

ส่วนผสมน้ำจิ้ม
  • แยมผิวส้ม 1/4 ถ้วย
  • น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ 1/4 ช้อนชา
  • น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
  • นำส่วนผสมทุกอย่างใส่รวมกัน ตั้งไฟพอเดือด ยกลง
Tip : ควรใช้น้ำมันในการทอดมาก และใช้ไฟปานกลาง
read more

เกร็ดเล็กน้อยเกี่ยวกับไขมันและเนย

เนย ( BUTTER )
เนย ได้จากการแยกไขมัน หรือมันเนยออกจากนม อาจเป็นนมวัว แพะ หรือนมแกะ แต่ ส่วน ใหญ่ใช้ นมวัว เนยที่ขายในท้องตลาดมี 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ เนยจืด ( UNSALT BUTTER ) เป็นเนยที่ไม่ใส่ เกลือ กับเนย เค็ม ( SALT BUTTER) เป็นเนยที่ใส่เกลือ

มาการีน
มาการีน หรือเนยเทียม คือไขมันที่ทำเลียนแบบเนย โดยใช้ไขมันพืชหรือสัตว์แทนมันเนยโดยนำน้ำมัน พืชผ่านขบวนการเติมไฮโดรเจนจนได้จุดหลอมตัวและคุณสมบัติใกล้เคียงเนยที่สุด แล้วจึงละลายใส่ลงไปในหางนม เติม เกลือและสารกันบูด มาการีนจะมีสีเข้มกว่าเนย ราคาถูกกว่า

เนยขาว (SHORTENING )
เนยขาวเป็นน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจน เนยขาวเหมาะสำหรับทำ ขนมประเภทที่ใส่แป้งสาลี เช่น ขนมเค้ก คุกกี้ โดยเฉพาะขนมพาย จะช่วยให้ขนมนุ่ม หรือร่วนขึ้น โดยอาจผสมกับเนย อย่างละครึ่งเพื่อให้กลิ่นรสดีขึ้น
read more

น้ำสับปะรด

วิธีทำน้ำสับปะรด
  • ส่วนผสมที่ใช้ทำน้ำสับปะรด
  • สับปะรดผ่าครึ่งซีก
  • นํ้าตาลทราย 1 ถ้วยตวง
  • เกลือ 1 ช้อนชา

ขั้นตอนและวิธีทำน้ำสับปะรด

  1. เอาเนื้อสับปะรดสับให้ละเอียด คั้นเอาแต่นํ้าให้ได้ 2 ถ้วยตวง
  2. ผสมกับนํ้าตาล นํ้าสุก เกลือคนจนละลาย นําไปกรองให้สะอาด
  3. นําขึ้นตั้งไฟ พอเริ่มเดือน คนให้ทั่ว ยกลง
  4. จัดใส่แก้วเสิร์ฟ ใส่น้ำแข็ง 2-3ก้อน
read more

เมี่ยงแซลมอนถ้วยขนมปัง

ส่วนผสมเมี่ยงแซลมอน
  • เนื้อปลาแซลมอนหั่นลูกเต๋า ลวก 400 กรัม
  • ขิงอ่อนหั่นลูกเต๋า 1/2 ถ้วย
  • หอมแดงหั่นลูกเต๋า 1/2 ถ้วย
  • พริกขี้หนูซอย 1/4 ถ้วย
  • ตะไคร้ซอย 1/2 ถ้วย
  • มะนาวหั่นลูกเต๋า 1/2 ถ้วย
  • น้ำเมี่ยง 1
ส่วนผสมตัวแป้ง
  • ขนมปังแผ่นสำหรับทำแซนวิช 10 แผ่น
  • เนยสดชนิดจืดเล็กน้อย 

วิธีทำ
  1. ทำตัวแป้งด้วยการตัดขนมปังแซนวิชเป็นชิ้น วงกลมขนาด 2 นิ้ว รีดขนมปังให้แบนเล็กน้อยด้วยไม้คลึงแป้ง
  2. กรุลงในพิมพ์มัฟฟินที่ทาเนยบางๆ อบไฟ 180 องศาเซลเซียสประมาณ 10-15 นาที หรือจนขนมปังกรอบเป็นสีเหลืองทอง
  3. ทำน้ำเมี่ยงโดยเคี่ยวน้ำตาลปี๊บ 1/2 ถ้วย ผสมกับ น้ำปลา 1/2 ถ้วยให้ข้น พักไว้ให้เย็น
  4. วิธีรับประทาน ใส่เครื่องเมี่ยงทีละน้อยลงในถ้วยขนมปังอบ ใส่น้ำเมี่ยง แล้วรับประทานเป็นคำ
read more

ข้าวตังทอดหน้ากุ้ง

ความกรอบของข้าวตังทำให้รสสัมผัสของอาหารโดดเด่น และช่วยเน้นให้อาหารมีความน่ารับประทาน ซึ่งหาได้ยากในอาหารของชาติอื่นๆ การรับประทานที่มีเครื่องเคียงแบบไทยๆ นอกจากจะช่วยเน้นความอร่อยด้านรสชาติแล้ว เครื่องเคียงยังช่วยให้อาหารมีสีสันที่งดงามน่ารับประทานอีกด้วย

เครื่องปรุง

  • ข้าวตังชนิดแผ่นกลม 20 ชิ้น (มีขายตามซุปเปอร์มาร์เก็ต
  • เนื้อกุ้งสับ 1/2 ถ้วยตวง
  • เนื้อหมูปนมันสับ 1/4 ถ้วยตวง
  • รากผักชี 2 ช้อนชา
  • กระเทียมสับ 2 ช้อนชา
  • พริกไทยโขลก 2 ช้อนชา
  • หอมหัวใหญ่สับ 1/4 ถ้วยตวง
  • หัวกะทิ 1/4 ถ้วยตวง
  • น้ำมันสำหรับทอด

วิธีทำ
  1.  ทอดข้าวตังให้เหลืองกรอบ พักไว้
  2.  ใส่หัวกะทิลงในหม้อที่มีด้ามถือ ตั้งไฟอ่อน พอแตกมัน ใส่รากผักชี กระเทียมสับ พริกไทยลงผัดให้หอม ใส่หอมหัวใหญ่ลงผัด ยกลงทิ้วให้เย็น
  3.  ใส่หมู กุ้งสับ และปรุงรสด้วยเกลือพริกไทยลงในส่วนผสมของกะทิในข้อ 2. คนให้ทั่ว ทาส่วนผสมลงบนข้าวตังให้เต็มหน้า นำลงทอด โดยคว่ำหน้าด้านที่ทาส่วนผสมลงในน้ำมัน พอเหลืองตักขึ้นวางบนกระดาษซับน้ำมัน รับประทานกับอาจาด

เครื่องปรุงน้ำจิ้ม (อาจาด)
  • น้ำตาล 1/2 ถ้วยตวง
  • น้ำส้มสายชู 1/4 ถ้วยตวง
  • เกลือป่น 1 ช้อนชา
  • แตงกวาฝานบาง
  • แครอทขูด
  • หัวหอมซอย
  • พริกชี้ฟ้าแดง

วิธีทำน้ำจิ้ม
เคี่ยวน้ำตาลทราย น้ำส้มสายชู และเกลือป่น เมื่อได้ส่วนผสมที่ข้น ใส่แครอทขูดหรือหั่นฝอยลงในน้ำจิ้มเล็กน้อย ถ้าชอบทานเผ็ด ใส่พริกชี้ฟ้าแดงโขลกนิดหน่อยได้
read more

บะหมี่ปูผัดพริกไทยดำ

ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) เตรียม 15 นาที ปรุง 15 นาที
  • บะหมี่ไข่สีเหลืองลวกสุกเคล้าน้ำมัน 2 ก้อน
  • กรรเชียงปูม้านึ่งสุก 6 ชิ้น
  • กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
  • หอมหัวใหญ่สับหยาบ ½ ถ้วย
  • พริกหวานสีเขียว แดง เหลืองหั่นชิ้นพอคำ 1 ถ้วย
  • เห็ดหอมสด 6 ดอก
  • พริกไทยดำ 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
  • ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำสุก 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
  • ต้นหอมซอยสำหรับโรยหน้าเล็กน้อย

วิธีทำ
  1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพอร้อน ใส่กระเทียมลงเจียวพอหอม เติมหอมหัวใหญ่ลงผัดจนสุกตามด้วยพริกหวานและเห็ด ผัดพอเข้ากัน ปรุงรสด้วยพริกไทยดำ น้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว น้ำตาล แล้วเติมน้ำ ผัดให้เข้ากัน ชิมรส
  2. ได้รสที่ต้องการแล้วใส่กรรเชียงปูลงผัดพอเข้ากันอีกครั้ง ปิดไฟ ยกลง ตักราดบนบะหมี่ที่เตรียมไว้ ก่อนเสิร์ฟโรยด้วยต้นหอม  

ที่มา : Health & Cuisine 

"ควรปรุงรสชาติซอสพริกไทยดำให้เข้มข้น เค็ม หวานและเผ็ดเพราะเมื่อรับประทานกับเส้นบะหมี่ รสชาติของซอสจะอ่อนลงเล็กน้อย"

พลังงานต่อหนึ่งหน่วยบริโภค 461.54 กิโลแคลอรี โปรตีน 24.26 กรัม ไขมัน 15.14 กรัม คาร์โบไฮเดรต 57.47 กรัม ไฟเบอร์ 1.37 กรัม
read more

ทุเรียนกวน

วิธีทำทุเรียนกวน

ส่วนผสมที่ใช้ทำทุเรียนกวน
  • เนื้อทุเรียน 1 กิโลกรัม
  • เม็ดทุเรียน 1/2 กิโลกรัม
  • น้ำตาลปี๊ป 1 กิโลกรัม

ขั้นตอนและวิธีทำทุเรียนกวน
  1. ฉีกเอาแต่เนื้อทุเรียนเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่จานพักไว้
  2. นำเม็ดทุเรียนทั้งครึ่งกิโลไปต้มให้สุก เสร็จแล้วแกะแต่เปลือกทิ้งไป 
  3. เอาของเม็ดทุเรียนมาทำให้ละเอียดเนียนเป็นเนื้อแป้งหรือจะใช้เครื่องบดก็ได้
  4. ตั้งกระทะทองเหลือง ใส่น้ำสะอาดลงไป สองถ้วย ใส่เนื้อทุเรียน เม็ดทุเรียนและน้ำตาลปี๊ปลงไป
  5. ในกระทะกวนไปเรื่อยๆจนเริ่มเหนียวข้น จึงค่อยยกกระทะลงตักเนื้อทุเรียนใส่กระดาษแก้ว 
  6. ห่อไว้รับประทานได้เป็นเวลานานๆ
read more

ข้าวผัดปลากระป๋อง

ส่วนผสมที่ใช้ทำข้าวผัดปลากระป๋อง
  1. ข้าวสวย 5 ถ้วย
  2. ปลากระป๋อง
  3. กุ้งแห้ง 1/2 ถ้วย
  4. ไข่เป็ด 2 ฟอง
  5. กระเทียม 1 หัว
  6. หัวหอม 8 หัว
  7. พริกขี้หนูสด มะนาว น้ำมันหมู น้ำปลา ต้นหอม แตงกวา

ขั้นตอนการทำข้าวผัดปลากระป๋อง

  1. เปิดปลากระป๋องใส่จานทั้งเนื้อทั้งน้ำ ใช้ช้อนบี้พอแหลก 
  2. เอากระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันหมูพอร้อนตีไข่ให้ฟูแล้วเทลงกระทะ ตอกไข่ใส่ลงไป กลิงกระทะให้ไข่แผ่ออกเป็นแผ่นบาง พอสุกตักขึ้นหั่นฝอยใส่จานแล้ว 
  3. ทอดกุ้งแห้งให้กรอบ ใส่จานเตรียมไว้
  4. ตีกระเทียมลงเจียวให้หอม เทปลากระป๋องลงผัดกับข้าวให้ทั่ว ชิมดูถ้าออกเค็มไม่ต้องเติมน้ำปลา
  5. ตักใส่จาน โรยหน้าด้วยกุ้งแห้งและไข่ หัวหอมซอย พริกขี้หนูซอย บีบมะนาวให้ทั่ว รับประทานกับแตงกวาและต้นหอม
read more

Wednesday 25 September 2013

ขนมหม้อแกงถ้วยทอง

ส่วนผสม
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ถ้วยตวง 
  • เนยสด ¼ ถ้วยตวง
  • ไข่แดงของไข่ไก่ 1 ฟอง
  • น้ำเย็น ½ ถ้วยตวง
  • เกลือป่น ½ ช้อนชา

วิธีทำ
  1. นำแป้งสาลีใส่อ่าง จากนั้นนำเนยสดตัดเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ลงไปในแป้ง ใช้มือเคล้าแป้งและเนยสดให้เข้ากัน จนทั่ว 
  2. นำไข่แดง น้ำเย็น เกลือป่น ผสมให้เข้ากันแล้วค่อยๆ เทลงในแป้งทีละน้อยใช้มือจับให้แป้งเป็นก้อนเดียวกัน พักไว้ประมาณ 10 นาที 
  3. จากนั้นนำแป้งมาคลึงให้เป็นแผ่นบางประมาณ 1/4 ซม. แล้วจึงนำพิมพ์วุ้นอะลูมิเนียมขนาดเล็กวางบนแป้ง 
  4. ตัดแป้งให้มีขนาดใหญ่กว่าพิมพ์เล็กน้อย กรุแป้งลงไปในพิมพ์ ใช้ส้อมจิ้มแป้งที่ก้นพิมพ์เพือไล่อากาศ ตัดขอบให้สวยงาม 
  5. ตักไส้ใส่จนเต็ม นำไปอบใช้ไฟ 150 องศาฟาเรนไฮต์ เวลาประมาณ 15 นาที หรือจนขนมสุกเหลือง 
  6. นำออกจากพิมพ์ โรยหน้าด้วยหัวหอมเจียว 


ส่วนผสม (ไส้)
  • ไข่เป็ด 8 ถ้วยตวง
  • น้ำตาลปีป 1¼ ช้อนชา
  • หัวกะทิ 2 ช้อนชา
  • ใบเตย 4 ช้อนโต๊ะ
  • หัวหอมแดงเจียว ½ ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
  1. นำไข่ต่อยใส่อ่างผสมใส่น้ำตาลปีป หัวกะทิ ใช้ใบเตยขยำให้ส่วนผสมเข้ากันและขึ้นฟู กรองด้วยผ้าขาวบาง 
  2. นำส่วนผสมข้อ 1 ใส่กระทะทอง ใช้ไฟปานกลาง กวนจนส่วนผสมข้น เนื้อเนียน ตักใส่ถ้วยแป้งพายให้เต็ม 
  3. นำไปอบให้หน้าขนมแห้งสีสวยแล้วจึงโรยหน้าด้วยหัวหอมแดงเจียว
read more

ข้าวโพดหวานจานเด็ด

เครื่องปรุง
  • เมล็ดพริกไทยแห้งสีดำ 3/4 ช้อนชา
  • พริกแห้ง (แกะเม็ดออกแล้ว) 2 เม็ด
  • เกลือไอโอดีน 3/4 ช้อนชา
  • น้ำตาล 1/2 ช้อนชา
  • ข้าวโพด (แกะเปลือกออก) 3 ฝัก
  • เนย 75 กรัม
  • ต้นหอมสับ 1 กรัม

วิธีทำ
  1. ผสมเมล็ดพริกไทยแห้ง พริก เกลือและน้ำตาลลงบนกระทะ ผัดคลุกเคล้าให้เข้ากันโดยใช้ไฟอ่อนถึงปานกลาง กระทั่งมีกลิ่นหอม จากนั้นนำไปบดหยาบๆในครก เครื่องบดหรือเครื่องโม่ก็ได้ค่ะ
  2. หั่นข้าวโพดออกเป็นสามส่วน จากนั้นผ่าตามยาวเป็นสองถึงสามส่วนขนาดเท่าๆกัน(หั่นตามยาวให้เม็ดออกเป็นแผ่น จากซังข้าวโพด)
  3. ต้มข้าวโพดในน้ำเดือดประมาณ 8-10 นาที หรือจนกระทั่งข้าวโพดเริ่มอ่อนนิ่ม
  4. ละลายเนยบนกระทะใช้ไฟร้อนปานกลาง เมื่อเนยเริ่มเดือดเป็นฟอง นำต้นหอมและเครื่องปรุงพริกไทยลงไปผัดประมาณ 10 วินาที ตักใส่ชามเล็ก และนำไปโรยหน้าข้าวโพด
read more

ไข่สะใภ้ทรงเครื่อง

ส่วนผสม
  • ไข่ไก่ 4 ฟอง
  • น้ำมันพืชสำหรับทอด 1 ถ้วย
  • หอมแดงซอย 5 หัว
  • กระเทียมซอย 2 หัว
  • พริกขี้หนูแห้งทอด 4-5 เม้ด
  • พริกไทยเม็ด 9 เม็ด
  • รากผักชี 2 ราก
  • กระเทียม 3 กลีบ
  • หมูสับปนมันเล็กน้อย 1/2 ถ้วย
  • ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันพืชสำหรับผัด 3 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันพืชสำหรับทอด 1 ถ้วย
  • ใบผักชีสำหรับตกแต่ง 

วิธีทำ
  1.  ใส่น้ำมันในกระทะตั้งไฟกลาง จากนั้นใส่หอมแดง กระเทียมลงเจียวจนเหลืองทีละอย่าง ตักขึ้น จากนั้นใส่พริกขี้หนูแห้งลงทอดจนเม็ดพริกพอง ตักขึ้น
  2.  โขลกพริกไทยกับรากผักชีและกระเทียมเข้าด้วยกันให้ละเอียด ตักใส่ เคล้ากับเนื้อหมูในอ่างผสมใบเล็ก เติมซีอิ๊วขาว น้ำตาล ผสมให้เข้ากัน หมักนาน 10 นาที
  3.  ใส่น้ำมันในกระทะตั้งไฟกลางพอร้อน ใส่เนื้อหมูสับที่หมักไว้ลงผัดจนนุ่ม ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ น้ำมะขามเปียก ผัดแล้วเคี่ยวจนน้ำใส ปิดไฟ ตักใส่ถ้วย พักไว้
  4.  ใส่น้ำมันในกระทะตั้งไฟกลางพอร้อน ใส่ไข่ลงทอดเป็นไข่ดาวทีละฟอง ทอดจนหมด ตักใส่จาน ราดด้วยเครื่องที่ผัด โรยหอมเจียว กระเทียมเจียว พริกขี้หนูแห้งทอด ตกแต่งด้วยใบผักชี เสิร์ฟ

โหระพา


read more

ผัดถั่วฝักยาวกับเต้าหู้และกาน่าฉ่าย

เครื่องปรุง
  • พริกหยวกแดงผลเล็ก 1 ผล
  • กระเทียม (สับละเอียด) 2 กลีบ
  • ถั่วฝักยาว 10 ต้น
  • กาน่าฉ่าย (ซื้อได้ที่เยาวราช หรือตามห้างสรรพสินค้า) 4 ช้อนโต๊ะ
  • เต้าหู้แผ่น 1/2 แผ่น
  • น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
  1. ผ่าครึ่งพริกหยวก เอาเมล็ดและแกนกลางออก จากนั้นหั่นพริก ถั่วฝักยาวและเต้าหู้เป็นชิ้นลูกเต๋า
  2. ตั้งน้ำมันในกระทะให้ร้อนด้วยไฟกลาง เมื่อน้ำมันร้อนให้ใส่เต้าหู้ลงทอด ประมาณ 3-4 นาที หรือจนเป็นสีเหลืองทอง
  3. ใส่กระเทียมลงผัด 30 วินาที จากนั้นใส่ถั่วลงผัดต่ออีก 30 วินาที
  4. เพิ่มพริกและใส่กาน่าฉ่ายลงผัด 2 นาทีหรือจนผักทุกอย่างสุกน่ากิน
แนะนำ : แบ่งเอาส่วนผสมแค่ครึ่งเดียวทำไข่เจียวเหมือนไข่เจียวไชโป๊วได้ด้วยการตีไข่ 1 ฟอง ใส่กระทะหลังจากผักสุกดีแล้วในขั้นตอนที่ 4
read more

เส้นหมี่น้ำไก่ตะไคร้

ส่วนผสม
  • เส้นหมี่อบแห้ง 1 ซอง 
  • เนื้อไก่น่อง 1 ชิ้น 
  • เห็ดฟาง 2 ถ้วย 
  • ตะไคร้ทุบพอแตกและหั่นเป็นท่อน 4 ต้น 
  • หัวหอมทุบ 2 หัว 
  • ข่าหั่นแว่น 5 แว่น 
  • ใบมะกรูด 3 ใบ 
  • น้ำ 3 ถ้วย 
  • น้ำปลา 3-4 ช้อนโต๊ะ 
  • พริกขี้หนู, มะนาว, น้ำพริกเผาตามชอบ, ผักชีฝรั่งซอย 

วิธีทำ
  1. ไก่หั่นเป็นชิ้นพอคำ 
  2. ตั้งน้ำให้เดือดพล่าน ใส่ตะไคร้ หัวหอม ข่า ใบมะกรูด รอให้เดือด แล้วจึงใส่ไก่ รอให้เดือดอีกครั้งจนไก่สุก ใส่น้ำปลา ชิมรส ใส่พริกขี้หนูแห้งทอด 
  3. จัดเส้นหมี่ ใส่ชามตามชอบ ราดด้วยน้ำซุบร้อนๆ โรยผักชีฝรั่ง และพริกขี้หนู มะนาว จะใส่น้ำพริกเผาด้วยก็ได้ 

TIPS
*ต้องใส่สมุนไพรตอนน้ำเดือดเท่านั้นจึงจะหอม และไม่ควรให้เดือดนาน เพราะน้ำมันหอมจากสมุนไพรจะระเหยไป
*ไม่ควรใส่พริกขี้หนู มะนาว ขณะยังตั้งไฟหรือเดือดอยู่ จะทำให้มะนาวเสียรส และถ้าใส่ขณะที่น้ำซุบไม่ร้อนก็ไม่เข้ากันและไม่อร่อย
read more

ทานชีสคุ้มกันโรคในคนสูงอายุ

จากข้อมูลงานวิจัยของนักวิจัยจากสถาบัน University of Turky ประเทศ ฟินแลนด์เกี่ยวกับการบริโภคชีสที่มีส่วนผสมของแบคทีเรียชนิดดีต่อร่างกายว่า มีผลดีต่อระบบภูมิคุ้มกันโรคของคนสูงวัย ข้อมูลงานวิจัยได้ถูกนำไปเผยแพร่ในวารสารวิทยาศาสตร์อย่าง FEMS Immunology & Medical Microbiology

งานวิจัยระบุว่าการทานชีสที่มีส่วนผสมของแบคทีเรียชนิดดีต่อร่างกาย หรือ probiotic bacteria เป็นประจำทุกวันจะ ช่วยป้องกันการเสื่อมในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันโรคเมื่ออายุสูงขึ้น ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์พวกนมเปรี้ยว หรือโยเกิร์ตก็ได้มีการผสม probiotic bacteria เข้าไป เพื่อช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายของผู้รับประทาน

ในการวิจัยนักวิจัยได้ให้กลุ่มอาสาสมัครทดลองที่มีอายุระว่าง 72-103 ปีมาอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน และในทุกเช้าจะมีการรับประทานชีสแผ่นบางๆหนึ่งแผ่นกับอาหารเช้าอื่นๆ เป็นเวลา 4 อาทิตย์ หลังจากนั้นก็มีการเจาะเลือดนำมาตรวจดู ซึ่งพบว่าเซลล์เม็ดเลือดสามารถจัดการกับเชื้อจุลินทรีย์ที่นำมาทดลองได้ดี กว่าก่อนที่อาสาสมัครจะทานชีสทุกวัน ซึ่งจากการตรวจสอบส่วนผสมในชีสก็พบว่าชีสเหล่านี้มีส่วนผสมของแบคทีเรียที่ ช่วยกระตุ้นการทำงานโดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันโรคของร่างกายให้ทำงานดีขึ้น ข้อมูลงานวิจัยใหม่นี้มีส่วนช่วยในการจัดอาหารและโภชนาการให้กับผู้สูงวัยให้เหมาะสมมากขึ้น และการเลือกรับประทานของคนก็จะต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายด้วยเช่นกัน


vcharkarn


read more

ผัดซีอิ๊วเส้นหมี่

ส่วนผสม

เส้นหมี่ แช่น้ำประมาณ 3 นาที 
เอามาพักให้สะเด็ดน้ำ 180 กรัม
  • เนื้อหมู 150 กรัม
  • ไข่ไก่ 2 ฟอง
  • ผักคะน้า 250 กรัม
  • แครอท 100 กรัม
  • เห็ดหอม 10 ดอก
  • กระเทียมทุบ 1 หัว
  • ซีอิ๊วขาว 1/4 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย
  • ซอสหอยนางรม 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • ซีอิ๊วดำ 
  • น้ำสะอาด 

วิธีทำ
  1. นำเส้นหมี่ที่สะเด็ดน้ำมาคลุกกับซีอิ๊วดำ (ใช้ถุงมือพลาสติกสำหรับทำอาหาร)
  2. หมักหมูไว้ระหว่างหั่นผัก โดยใช้น้ำมันงา ซีอิ๊วขาว และงาขาว
  3. ตั้งกระทะ น้ำมันพอร้อน ใส่กระเทียมเจียวพอหอมแล้วใส่หมูที่หมักไว้ลงผัดพอสุก
  4. ตอกไข่ลงผัดกับหมู แล้วเติมผักที่หั่นไว้แล้ว ผัดพอสุก จึงเติมเส้นหมี่
  5. เติมเครืองปรุง ผัดต่อ ถ้าแห้งเกินไป ให้เติมน้ำลงไปทีละนิค ชิมรสตามชอบ
    จัดเสิร์ฟประมาณ 3 - 4 ที่
read more

ต้มแซบเห็ดฟางปลาย่างน้ำข้าวตัง

ต้มแซบเห็ดฟางปลาย่างน้ำข้าวตัง
เวลาเตรียม 15 นาที เวลาปรุง 20 นาที
  • ส่วนผสมสำหรับ 4 ที่
  • เห็ดฟาง 12 ดอก
  • เต้าหู้คินุหั่นเต๋าเล็ก 3/4 ถ้วย
  • ปลาเนื้ออ่อนย่างหั่นเป็นชิ้น 2 ตัว
  • ข้าวตังดิบ 6 แผ่น
  • หอมเล็กบุบ 3 หัว
  • ต้นหอมญี่ปุ่นหั่นแฉลบ 6 ชิ้น
  • ผักชีใบเลื่อยหั่นเป็นท่อน ¼ ถ้วย
  • พริกขี้หนูแห้งคั่ว 5 เม็ด
  • น้ำปลาอย่างดี 4 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
  • ใบโหระพา ¼ ถ้วย
  • น้ำเปล่า 4 ½ ถ้วย

วิธีทำ
  1. ย่างข้าวตังดิบให้พองกรอบ เกรียม และมีกลิ่นหอม
  2. ต้มน้ำให้เดือด ใส่ข้าวตังที่ย่างไว้ลงต้มนาน 5 นาที ปิดไฟ กรองเอาแต่น้ำ
  3. นำน้ำข้าวตังที่ได้ใส่ลงหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟให้เดือด ใส่หอมเล็ก ปลาย่าง และเห็ดฟาง รอจนเห็ดสุก ลดไฟลง แล้วใส่เต้าหู้ หอมญี่ปุ่น ผักชีใบเลื่อย ปรุงรสด้วยน้ำปลา และพริกทอด แล้วปิดไฟ จากนั้นจึงเติมน้ำมะนาว 
  4. ตักต้มแซบที่ได้ใส่ถ้วย โรยหน้าด้วย ใบโหระพาเล็กน้อย เสิร์ฟ
นิตยสาร Health & Cuisine ปีที่ : 10 ฉบับที่ : 114 เดือน : กรกฎาคม 2553
read more

สลัดฟูซิลลี่ทูน่า

ส่วนผสม 
  • เส้นฟูซิลลี่ 300 กรัม 
  • ถั่วหวาน 250 กรัม 
  • ทูน่าในน้ำเกลือ 1 กระป๋อง 
  • ผักสลัดร็อกเกต 1 กล่อง 
  • น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ 

ส่วนผสมน้ำสลัด
  • น้ำมันมะกอก 1/4 ถ้วย 
  • น้ำมะนาว 1/4 ถ้วย 
  • กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ 
  • เคเปอร์ 2 ช้อนโต๊ะ 
  • น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ 
  • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา 

วิธีทำน้ำสลัด
  1. ผสมน้ำมันมะกอก น้ำมะนาว กระเทียมสับ เคเปอร์ น้ำตาล เกลือป่นเข้าด้วยกัน คนให้เข้ากัน พักไว้


วิธีทำพาสต้าทูน่า
  1. ต้มเส้นพูชินี่จนสุก แช่ในน้ำเย็น พักไว้ 
  2. ลวกถั่วหวาน แช่ในน้ำเย็น พักไว้ 
  3. ผัดทูน่าในน้ำมันมะกอกพอหอม พักไว้ 
  4. ใส่ผักสลัดร็อกเก็ต ถั่วหวาน และเส้นพูชินี่ลงไปในชาม วางทูน่าไว้บนผัก จากนั้นราดน้ำสลัดที่เตรียมไว้ คลุกเคล้าเบาๆไม่ให้ผักช้ำ

Tip : นอกจากน้ำสลัดสูตรนี้ คุณสามารถทำน้ำสลัดไว้กินเองได้ด้วยการใช้น้ำมะนาว ตัดเปรี้ยวด้วยน้ำตาล เกลือ หรือซีอิ๊วขาวนิดหน่อย หากใครต้องการความหอมและคุณค่าจากงา จะโรยงาขาวลงไปด้วยก็ได้


ชีวจิต
read more

Tuesday 24 September 2013

เมี่ยงถั่วและธัญพืช

เมี่ยงถั่วและธัญพืช
เวลาเตรียม 15 เวลาปรุง 20 นาที


ส่วนผสมสำหรับ 4 ที่
  • วิทโลฟสีแดงเด็ดเป็นใบล้างให้สะอาด 12 ใบ
  • เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบ 1/2 ถ้วย
  • เมล็ดทานตะวันอบ 1/2 ถ้วย
  • เมล็ดฟักทองอบ 1/2 ถ้วย
  • ถั่วเขียวเลาะเปลือกคั่วสุก 1/2 ถ้วย
  • กุ้งแห้ง 1/2 ถ้วย
  • หอมเล็กปอกเปลือกหั่นเต๋าเล็ก 1/2 ถ้วย
  • ขิงสดปอกเปลือกหั่นเต๋าเล็ก 1/2 ถ้วย
  • มะนาวหั่นเต๋า 1/2 ถ้วย
  • พริกขี้หนูตามชอบ

ส่วนผสมน้ำเมี่ยง
  • น้ำตาลปี๊บ 1 ถ้วย
  • กุ้งแห้งป่น 1/4 ถ้วย
  • ตะไคร้ซอย 1/3 ถ้วย
  • ขิงปอกเปลือกซอยเป็นแว่น 7 แว่น
  • กะปิอย่างดี 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลาอย่างดี 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย

วิธีทำ
  1. ทำน้ำเมี่ยง โดยโขลกตะไคร้และขิงให้ละเอียด ใส่กะปิ และกุ้งแห้งป่น โขลกให้เข้ากันพักไว้ 
  2. ใส่น้ำตาลปี๊บลงในหม้อ เติมน้ำยกขึ้นตั้งไฟกลางรอจนน้ำตาลละลายและเดือด ใส่ส่วนผสมที่โขลกไว้ลงเคี่ยวด้วยไฟอ่อน ปรุงรสด้วยน้ำปลา เคี่ยวส่วนผสมจนเริ่มเหนียวระวังอย่าให้เหนียวมาก ปิดไฟพักให้เย็น
  3. จัดถั่วและธัญพืชชนิดต่าง ๆ ลงในกลีบใบชิคเคอรี่ ตามด้วยกุ้งแห้ง หอมเล็ก ขิง มะนาว พริกขี้หนู ราดด้วยน้ำเมี่ยง รับประทานเป็นคำ

หมายเหตุ : ไม่ควรเคี่ยวน้ำเมี่ยงจนข้นเกินไป เพราะเมื่อน้ำเมี่ยงเย็นจะข้นจัดและจับตัวเป็นก้อน

นิตยสาร Health & Cuisine ปีที่ : 10 ฉบับที่ : 114 เดือน : กรกฎาคม 2553
read more

ขนมเต้าทึงแข็ง

ส่วนผสม
  • ลำไยอบแห้ง 1/2 ถ้วย
  • เม็ดเดือย (หรือข้าวอาร์ซี) 1/2 ถ้วย
  • ถั่วเขียวต้ม 1/2 ถ้วย
  • เม็ดบัวต้ม 1/2 ถ้วย
  • ถั่วแดงต้ม 1/2 ถ้วย
  • เม็ดแมงลักแช่น้ำ 1/2 ถ้วย
  • ฟักทองหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำไปลวก 1/2 ถ้วย
  • วุ้นผง 2 ช้อนชา
  • น้ำเปล่า 3 ถ้วย
  • น้ำลำไย 2 ถ้วย

วิธีทำ
  1. ต้มลำไยแห้งให้เดือดจนลำไยบาน พักไว้ให้เย็น
  2. ผสมวุ้นกับน้ำลำไยที่เย็นแล้ว (ปล่อยไว้ให้น้ำเย็น วุ้นจะได้ไม่เป็นก้อน) จากนั้นเคี่ยวต่อให้เดือดจนวุ้นสุก
  3. ใส่ธัญพืชทุกอย่างลงไป รอให้เย็น ตักใส่ถ้วย ถ้าอยากเก็บไว้กินนานๆ ให้ใส่ตู้เย็นไว้

Tip
ควรแกะไส้เม็ดบัวออก วุ้นจะได้ไม่ขม
คนที่มีปัญหาเรื่องเบาหวาน สามารถใช้น้ำเต้าหู้แทนน้ำลำไยได้เลย


ชีวจิต
read more

ข้าวเหนียวแดง

ข้าวเหนียวแดง
  • ข้าวเหนียวนึ่งสุก ๔๐๐ กรัม
  • กะทิ ๓/๔ ถ้วยตวง
  • น้ำตาลปี๊บ ๑๘๐ กรัม
  • เกลือป่น ๑/๔ ช้อนชา
  • งาขาวคั่ว ๒ ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
  1. ใส่น้ำตาลปี๊บลงในกระทะทอง เปิดไฟปานกลางค่อนข้างอ่อนคนน้ำตาลให้ละลาย เคี่ยวน้ำตาลไปเรื่อยๆจนสีเริ่มเข้มขึ้นใช้ไม้พายคอยคนอยู่เรื่อยๆจนน้ำตาลเริ่มไหม้มีควันขึ้นจึงเทกะทิใส่ลงไปในกระทะน้ำตาลที่กำลังไหม้ใช้ไม้พายคนส่วนผสมให้เข้ากันดีเริ่มใส่น้ำตาลลงในกระทะหลีงจากที่กระทะเริ่มร้อนน้ำตาลก็เริ่มละลาย
  2. น้ำตาลละลายแล้ว แต่ให้เคี่ยวต่อไปเรื่อยๆสีเริ่มเข้มขึ้นและเข้มขึ้นอีก ต้องคอยดูอย่างใกล้ชิดนะคะไม่นานนักน้ำตาลก็เริ่มไหม้มีควันลอยขึ้นเมื่อน้ำตาลไหม้ได้ที่ดีแล้วก็เทน้ำกะทิลงไป
  3. คนส่วนผสมให้เข้ากันดี สีข้าวเหนียวแดงจะสวยขนาดไหนก็อยู่ตรงการทำน้ำตาลไหม้นี่แหละค่ะ จากนั้นก็เติมเกลือค่ะเกลือนี่ใช้แค่นิดเดียวก็จริง เหมือนไม่สลักสำคัญอะไรแต่จริงๆเกลือนี่สำคัญพอสมควรนะคะ ช่วยชูรสขนมให้เข้มข้นกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น
  4. เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีแล้วก็ใส่ข้าวเหนียวนึ่งสุกแล้วลงไปในกระทะยีข้าวให้กระจาย คนส่วนผสมให้เข้ากัน
  5. กวนข้าวเหนียวแดงในกระทะไปเรื่อยๆให้น้ำแห้งถ้าคิดว่าไฟแรงเกินไปให้ลดไฟลงนะคะใช้ไฟค่อนข้างอ่อนถ้าไฟแรงมากเกินไปจะทำให้น้ำตาลรัดข้าวเกินไปจะทำให้ข้าวแข็งมากยิ่งขึ้น และส่วนผสมก็อาจจะไหม้ได้ค่ะใช้ไฟพอเหมาะ จะได้ข้าวเหนียวแดงนิ่มข้างนอกและแข็งเล็กน้อยข้างใน เคี้ยวพอได้บริหารกรามค่ะ
ระยะเวลาจากใส่ข้าวลงไปในกระทะกวนไปจนข้าวร่อนจากกระทะใช้เวลาทั้งหมดประมาณ ๑๕ นาทีค่ะ

วิธีสังเกต ว่าข้าวเหนียวร่อนจากกระทะหรือยังให้จับกระทะเขย่าๆถ้าข้าวเกาะกลุ่มกันกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ในกระทะได้ก็แสดงว่าเราได้ข้าวเหนียวแดงอร่อยๆรับประทานกันแล้วค่ะ


ปูขาเก เซมารู
read more

ฟองเต้าหู้ห่อผัก

ส่วนผสม
  • ฟองเต้าหู้ 2 แผ่น
  • ถั่วงอกเด็ดหาง 1 ถ้วย
  • เห็ดหูหนูซอย 1 ถ้วย
  • แครอทหั่นฝอย 1 ถ้วย
  • ถั่วแขกหั่นเฉียง 1/2 ถ้วย
  • ซีอิ๊วขาว 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันพืชสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันพืชสำหรับทอด 4 ถ้วย
  • ต้นหอม ใบผักชี ผักสำหรับตกแต่ง 

วิธีทำ
  1. ตั้งกระทะใช้ไฟกลาง ใส่น้ำมันพอร้อน ใส่แครอท ใส่ถั่วแขก เห็ดหูหนู ผัดพอสุก ใส่ถั่วงอก ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ผัดพอผักสุกทั่ว ตักใส่ถ้วยสำหรับเป็นไส้
  2. ฟองเต้าหู้พรมน้ำพอนิ่ม ตัดเป็นแผ่นขนาด 5x5 นิ้ว จำนวน 4 แผ่น ใส่ไส้ที่ทำไว้ประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ ทาแป้งเปียกพับด้านซ้ายขวา ม้วนให้แน่น ทำจนหมด
  3. ตั้งกระทะใช้ไฟกลางใส่น้ำมันพอร้อน ใส่ฟองเต้าหู้ที่ห่อไว้ ทอดจนสุกเหลือง ตักวางบนกระดาษซับมัน
  4. หั่นเป็นชิ้นพอคำ จัดใส่จาน ตกแต่งด้วยต้นหอมและใบผักชี เสิร์ฟพร้อมซอสพริก

หมายเหตุ
ทำแป้งเปียกโดยผสมแป้งสาลี 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำ 3 ช้อนโต๊ะ ตั้งไฟคนจนสุกเหนียว

สรรพคุณ
  • เต้าหู้ เป็นอาหารที่มีโปรตีนในปริมาณและคุณ ภาพไม่แพ้โปรตีนจากเนื้อสัตว์ จนมีผู้ให้ สมญา นามว่า เนื้อไม่มีกระดูก หรือ โปรตีนแห่งท้องทุ่ง ซึ่งเป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย นอกจากนี้ยังมีไขมันที่มี ความจำเป็นกับร่างกายอีกด้วย และไม่มีคอเลส เตอรอล และมีวิตามิน เกลือแร่ต่างๆ เช่นแคล เซียม ฟอสฟอรัส และเลซิติน ที่ช่วยลด ระดับ คอเลสเตอรอลในเลือด และป้องกันเกล็ด เลือด แข็งตัว ทำให้ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ
  • เห็ดหูหนู คุณค่าทางสมุนไพร ช่วยลดความดันโลหิต มีสารต้านมะเร็ง มีวิตามินช่วยในการดูดซึม
  • แครอท สีส้มสดใสสว่างของแครอทช่วยดับความกลัวโรคมะเร็งได้ ใน แครอทมีเบต้า-แคโรทีนที่กำจัดสารก่อนมะเร็งที่อาจมากับควันบุหรี่ หรือแสงแดดแผดจัด สารนี้ป้องกันมะเร็งได้โดยเฉพาะมะเร็ง ในปอด ใครกินผักสด และผลไม้มากสม่ำเสมอ มีสารนี้ใน เลือดมากและใครมีมากก็ไม่ต้องเสี่ยงกับมะเร็งในปอด ลบ ความกลัวด้วยการกินแครอท ผักสดและผลไม้อื่นๆ 
  • ผักชี แก้เจ็บคอ ริดสีดวงทวาร 
  • ถั่วแขก บำรุงร่างกาย ดับร้อน ขับปัสสาวะ รักษาอาการบวมน้ำได้
read more

มะเขือเทศเชื่อมแห้ง

มะเขือเทศเชื่อมแห้ง
  • มะเขือเทศเชอร์รี่ ๑ กิโลกรัม
  • น้ำตาลทราย ๔๐๐ กรัม
  • น้ำมะนาว ๑-๒ ช้อนชา
  • น้ำปูนใส ๖-๘ ถ้วย เอาไว้แช่มะเขือเทศ
วิธีทำ
  • ปูนแดงสำหรับเคี้ยวหมาก ที่ขายๆกันที่อเมริกาเป็นกระปุกเล็กๆอย่างนี้มีทั้งปูนขาว และปูนแดง ราคาไม่แพงนัก.
  • เอาปูนแดงละลายกับน้ำ ปูนขนาดเท่าหัวแม่มือกับน้ำสัก๘-๑๐ ถ้วยละลายปูนแดงกับน้ำแล้วก็ทิ้งให้ปูนตกตะกอนนอน
  • จากนั้นก็เทเอาแต่น้ำใสๆไว้ เอาไปแช่มะเขือเทศ เวลาเชื่อมมะเขือจะได้ไม่เละ
  • ล้างมะเขือเทศเชอร์รี่ให้สะอาด
  • แต่ละลูกกรีดให้เป็น ๔ แฉก แล้วใช้สันมือกดเบาๆให้เมล็ดข้างในไหลออกมา
  • จัดการกรีดให้หมด บีบเมล็ดออกให้หมด ได้มะเขือเทศเต็มถาด
  • แช่ในน้ำปูนใส นานประมาณ ๔๕ นาที
  • เมื่อครบกำหนดเวลา เทน้ำทิ้งไป บีบน้ำปูนใสที่แช่มะเขือเทศออกให้หมดแล้วใส่มะเขือเทศลงในกระทะทองเหลือง (ถ้าไม่มีก็เทฟลอนธรรมดาได้)ใส่น้ำตาลลงไปในกระทะมะเขือเทศ เปิดไฟกลางค่อนข้างอ่อนเคี่ยวให้น้ำตาลละลาย และมะเขือเทศอิ่มน้ำตาลเป็นสีแดงใสสวย
  • ส่วนผสมให้เดือดปุดๆเท่านั้นก็พอนะคะ ไม่ต้องคนด้วย เพราะจะทำให้เละมะเขือเทศจะไม่สวย ถ้าต้องการคน ให้ใช้วิธีเอาทัพพีกดๆเอาให้มะเขือสัมผัสกับน้ำเชื่อม
  • เชื่อมเสร็จแล้ว ใช้เวลาประมาณ ๑ ชั่วโมง หรือจนกว่าน้ำเชื่อมจะงวดบีบน้ำมะนาวใส่ลงไปในกระทะมะเขือเทศ มะเขือเทศเป็นสีแดงใสวาวสวย
  • ใช้ช้อนตักมะเขือเทศเชื่อมออกจากกระทะ วางลงบนตะแกรงให้สะเด็ดน้ำเชื่อมมะเขือเทศเชื่อมตากแห้งดีแล้ว
  • นำไปตากแดดจัดๆ ๑- ๒ วัน ก็จะได้มะเขือเทศเชื่อมแห้งเก็บไว้รับประทานหรือจะนำมะเขือเทศแช่อิ่มไปลอยแก้ว กินคลายร้อนให้ชื่นฉ่ำหัวใจก็ได้
  • พอมะเขือแห้งดีแล้ว(ไม่ต้องถึงกับแห้งแข็งสนิทนะคะ) ก็เก็บใส่ขวดหรือใส่กล่อง ปิดฝาให้สนิท เก็บไว้รับประทานเล่น หรือทำเค้กทำคุ้กกี้หรืออื่นๆแล้วแต่ชอบค่ะ ส่วนแม่ปูหยิบกินเล่นๆ เพลินเลยละค่ะ
read more

ออมเลตชนิดนุ่ม

ส่วนผสม
  • ปลาแซลมอน น้ำหนัก 175 กรัม 1 ชิ้น
  • เนยสดชนิดเค็ม 4 ช้อนโต๊ะ
  • วิปปิ้งครีม 12 ช้อนโต๊ะ
  • ไข่ไก่ 4 ฟอง
  • เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
  • พริกไทยดำป่น 1/4 ช้อนชา
  • เชดด้าชีสขูด 1/3 ถ้วย
  • วอเตอร์เครสสำหรับแต่ง 
  • อะลูมินั่มฟอยล์ 

วิธีทำ
  1. ห่อเนื้อปลาแซลมอนด้วยอะลูมินั่มฟอยล์ นำเข้าเตาอบที่อุ่นเตาแล้วอุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส อบนาน 10 นาทีหรือจนสุก ยกออกจากเตา แกะอลูมินั่มฟอยล์ แล้วลอกเอาหนังปลาและเลาะก้างออก จากนั้นใช้ส้อมซุยเนื้อปลาให้เป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ถ้วยพักไว้
  2. ใส่เนย 2 ช้อนโต๊ะ กับวิปปิ้งครีม 4 ช้อนโต๊ะลงในกระทะ ตั้งไฟอ่อนพอละลาย จากนั้นใส่เนื้อปลาแซลมอนที่ทำลงไป คนพอเข้ากัน ยกลงพักไว้ให้เย็น
  3. ต่อยไข่ใส่อ่างผสมที่แป้ง แยกไข่ขาวและไข่แดง โดยตีไข่แดงกับวิปปิ้งครีม 1 ช้อนโต๊ะในอ่างผสม ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย แล้วเทลงในเนื้อปลาที่ทำไว้ คนพอทั่ว
  4. ตีไข่ขาวลงในอ่างผสมอีกใบที่แห้ง ตีด้วยตะกร้อแรงๆจนขึ้นฟูและตั้งยอดแข็ง แล้วเทลงในเนื้อปลาที่ผสมกับไข่แดง คนเบาๆให้ทั่ว พักไว้
  5. ผสมเชดด้าชีสกับวิปปิ้งครีมที่เหลือลงในอ่างผสม คนให้เข้ากัน พักไว้
  6. ใส่เนยที่เหลอลงในกระทะเทฟล่อนใบเล็ก ตั้งไฟอ่อน พอเนยละลายและร้อน เทส่วนผสมเนื้อปลาที่ผสมกับไข่แดงและไข่ขาวลงไป ทอดพอสุกจนผิวด้านล่างเป็นสีน้ำลาล เทส่วนผสมชีสกับวิปปิ้งครีมลงด้านหน้า นำเข้าเตาอบ อบเฉพาะไฟบนที่อุณหภูมิ 120 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 10 นาที หรือจนไข่ฟูขึ้น ยกออกจากเตา
  7. จัดใส่จาน ตกแต่งด้วยวอเตอร์เครส เสิร์ฟ

read more

วุ้นไข่แดง

สิ่งที่ต้องเตรียม (สำหรับการทำวุ้นไข่แดง)
  • ผงวุ้นสำหรับทำขนม ตรานางเงือก 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำ 500 กรัม
  • เกลือป่น 1/8 ช้อนชา
  • วานิลลาชนิดผง 1/8 ช้อนชา
  • ใบเตย 2 ใบ
  • น้ำตาลทราย 100 กรัม
  • สีผสมอาหารสีส้ม 1/8 ช้อนชา
  • แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำสำหรับละลายแป้ง 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ (สำหรับการทำวุ้นไข่แดง)
  1. ละลายผงวุ้นสำหรับทำขนม ตรานางเงือกกับน้ำ เกลือป่นและ วานิลลาชนิดผงเข้าด้วยกัน ใส่ใบเตย นำขึ้นตั้งไฟ ต้มจนเดือด เติมน้ำตาลทราย คนผสมจนน้ำตาลทรายละลาย ใส่แป้งข้าวโพดที่ละลายน้ำ คนผสมไว ๆ จนเดือดทั่วดี ตักใส่พิมพ์ทรงกลมพักไว้จนวุ้นทรงตัวดี จึงแคะวุ้นออกจากพิมพ์ เตรียมไว้

สิ่งที่ต้องเตรียม (สำหรับการทำวุ้นไข่ขาว)
  • ผงวุ้นสำหรับทำขนม ตรานางเงือก 1 ช้อนโต๊ะ 
  • น้ำ 500 กรัม
  • เกลือป่น 1/8 ช้อนชา
  • วานิลลาชนิดผง 1/8 ช้อนชา
  • ใบเตย 2 ใบ
  • น้ำตาลทราย 100 กรัม

วิธีทำ (สำหรับการทำวุ้นไข่ขาว)
  1. ละลายผงวุ้นสำหรับทำขนม ตรานางเงือกกับน้ำ เกลือป่นและ วานิลลาชนิดผงเข้าด้วยกัน ใส่ใบเตย นำขึ้นตั้งไฟ ต้มจนเดือด เติมน้ำตาลทราย คนผสมจนน้ำตาลทรายละลายจึงยกลง
  2. ตักส่วนผสมวุ้นใส่ลงในพิมพ์ ให้มีความสูงประมาณ ครึ่งเซนติเมตร เรียงวุ้นไข่แดง 
  3. พักไว้จนวุ้นทรงตัวดี
  4. ใช้พิมพ์รูปดอกไม้กดวุ้นให้มีลักษณะคล้ายไข่ไก่สดตอกออกจากเปลือกไข่
  5. เมื่อจะรับประทานตักวุ้นใส่ถ้วย เติมส่วนผสมน้ำเชื่อมและน้ำแข็งบดละเอียด รับประทาน
  6. ได้ทันที

สิ่งที่ต้องเตรียม (สำหรับการทำส่วนผสมน้ำเชื่อม)
  • น้ำตาลทราย 400 กรัม 
  • เกลือป่น 1/8 ช้อนชา
  • วานิลลาชนิดผง 1/8 ช้อนชา
  • น้ำ 2 ถ้วยตวง
  • ใบเตย 3 ใบ
  • น้ำแข็งบดตามต้องการ 

วิธีทำ
  1. ละลายน้ำตาลทราย เกลือป่นและวานิลลาชนิดผง กับน้ำเข้าด้วยกัน ใส่ใบเตยคนผสมให้ละลาย นำขึ้นตั้งไฟ ต้มจนเดือด จึงยกลงพักไว้จนเย็นสนิท เตรียมไว้
read more

มันบดราดซอสขาวชีสอบ

เครื่องปรุง 
  • มันฝรั่งปอกเปลือกแล้วผ่า 4 - 6 หัว
  • น้ำต้มมัน พอประมาณ
  • นมจืดหรือครีม 1ถ้วยตวง
  • เนย 6 ช้อนโต๊ะ
  • ลูกจันทน์บด 1/4 ช้อนชา
  • พริกไทยป่น พอประมาณ
  • เกลือ พอประมาณ
  • บร็อคโคลี่ลวก พอประมาณ
  • มอซซาเรลลาชีสชนิดแผ่น 2 แผ่น
  • ซอสขาว พอประมาณ 

วิธีทำ
  1. ต้มมันในน้ำผสมเกลือให้สุก แต่ยังไม่เละ
  2. เทน้ำร้อนออกจากหม้อให้หมด แล้วนำมันที่อยู่ในหม้อตั้งไฟต่อ เพื่อทำให้มันแห้งสนิท
  3. เมื่อมันไม่มีความชื้นแล้ว ยกออกจากเตา แล้วเอาที่บด บดให้ละเอียด ลักษณะของมัน ควรจะแห้งคล้าย ๆ แป้ง
  4. เมื่อมันละเอียดแล้ว อุ่นนมและเนยในอีกภาชนะหนึ่ง เมื่อเดือดค่อย ๆ เทส่วนผสมของนม และเนยลงไปในมันบด คนให้เข้ากัน หรือตีให้เข้ากัน
  5. จะใส่เนยและนมน้อยหรือมาก แล้วแต่ความต้องการของผู้รับประทาน และความต้องการของลักษณะของมันบด คือว่าถ้าใส่นมน้อยก็จะอยู่ในลักษณะที่แข็ง ถ้าใส่มากก็จะเหลว
  6. ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย และลูกจันทน์บด รสชาติของมันบดควรจะมันเหมือนเนยกับนม และครีมที่มีรสเค็ม ๆ มัน ๆ
  7. นำมันบดที่ได้มาปั้นเป็นก้อนกลม ๆ แล้วใส่ลงในภาชนะสำหรับอบ เรียงบร็อคโคลี่ลงไปข้าง ๆ มันบด วางชีสแผ่นทับลงไป ราดด้วยซอสขาว นำเข้าเตาอบ ๆ จนหน้าซอสขาวเหลือง
  8. ยกออกจากเตาอบ ตักใส่จานเสิร์ฟ โรยหน้าด้วยเบคอนทอดกรอบ ยกเสิร์ฟร้อน ๆ


ซอสขาว
เครื่องปรุง 
  • เนย 3 ช้อนโต๊ะ
  • แป้งสาลี 3 ช้อนโต๊ะ
  • นมจืด 2 ถ้วยตวง
  • มอซซาเรลลาชีส 1 ถ้วยตวง
  • เกลือ พอประมาณ 
  • พริกไทย พอประมาณ 

วิธีทำ
  1. นำเนย และแป้งสาลีมาผัดให้สุก แต่ไม่เหลือง
  2. เทนมจืดทีเดียวทั้งหมด ลงไปในส่วนผสมของแป้ง และเนย แล้วใช้ไม้ตีไข่ตีนมให้ผสมกับแป้ง และเนย เร่งไฟ
  3. ใช้ไม้พายคนจนกระทั่งนมเริ่มข้น และเดือด ใส่ชีสลงไปรอจนชีสละลายคนให้เข้ากันปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย
read more

ยำผักย่าง

ส่วนผสม
  • พริกหวานแดงเอาเมล็ดออกหั่นเป็นชิ้น 1 ลูก
  • พริกหวานเหลืองเอาเมล็ดออกหั่นเป็นชิ้น 1 ลูก
  • มะเขือม่วงหั่นแว่น 1 ลูก
  • มะเขือเทศหั่นเป็น 4 ชิ้น 1 ลูก
  • มะเขือเทศสีส้ม 3 ลูก
  • เห็ดเข็มทอง 1 ขีด
  • เห็ดนางฟ้า 1 ขีด
  • กุ้งแชบ๊วยตัดหนวด แกะเปลือก ผ่าหลัง 10 ตัว
  • น้ำยำ 1 ถ้วย
ส่วนผสมน้ำยำ
  • พริกชี้ฟ้าเหลืองแดง 2 เม็ด
  • หอมเล็กหั่นครึ่งปอกเปลือก 3 หัว
  • กระเทียมปอกเปลือก 5 กลีบ
  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทรายแดง(เล็กน้อย)

วิธีทำ
  1. ย่างกุ้งบนกระทะย่างจนสุก พักไว้
  2. ย่างผักทั้งหมดบนกระทะย่างจนสุก
  3. จัดใส่จาน ราดน้ำยำ พร้อมเสิร์ฟ

วิธีทำน้ำยำ
  1. ย่างพริกชี้ฟ้า กระเทียม หอมเล็ก จนสุกหอม แล้วปอกเปลือกพริกชี้ฟ้า
  2. โขลกพริกชี้ฟ้า กระเทียม หอมเล็กพอแหลก
  3. ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว น้ำปลา และน้ำตาลทรายแดง

Tip : ย่างพริกเสร็จแล้วเอาใส่ถุงรัดด้วยหนังยางจะทำให้เปลือกนิ่มและแกะได้ง่ายขึ้น

ขอบคุณ ชีวจิต
read more

ผลวิจัยล่าสุดจากยาคูลท์

ผลวิจัยล่าสุดจาก 'ยาคูลท์'
การดื่ม ‘ยาคูลท์’ เป็นประจำทุกวัน กับอาการเกิดโรคท้องร่วงเฉียบพลันในเด็กเล็ก


ผลการศึกษาของบริษัท ยาคูลท์ ฮอนช่า จำกัด (YAKULT HONSHA CO., LTD.) ที่จัดทำขึ้นร่วมกับสถาบันอหิวาต์และโรคลำไส้แห่งชาติของอินเดียบ่งชี้ว่า การดื่ม ‘ยาคูลท์’ เป็นประจำทุกวันสามารถลดการเกิดโรคท้องร่วงในเด็กเล็กอย่างได้ผล

การศึกษาครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกซึ่งได้รับความรับมือจากเด็กๆ จำนวน 3,585 คนที่อาศัยอยู่ในชุมชนแออัดในตัวเมืองโกลกาตา โดยผลที่ได้บ่งชี้ว่า ‘ยาคูลท์’ มีประสิทธิภาพในการลดการเกิดโรคท้องร่วงเฉียบพลันในเด็กเล็กอย่างมีนัยสำคัญในทางสถิติ ผลการศึกษายังบ่งชี้ว่าการดื่ม ‘ยาคูลท์’ เป็นประจำอย่างต่อเนื่องช่วยลดอาการของโรคกระเพาะอาหารและสำไส้ในกลุ่มประชาชนทั่วไป

ทั้งนี้ บริษัท ยาคูลท์ ฮอนช่า เป็นผู้วิจัยเรื่องโพรไบโอติก (probiotics) ซึ่งหมายถึงจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์ด้วยการปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ตัวอย่างจุลินทรีย์สายพันธุ์ที่มีประโยชน์คือ แลคโตบาซิลลัส คาเซอิ สายพันธุ์ ชิโรต้า (YIT9029) ซึ่งนอกจากจะมีประโยชน์ต่อลำไส้แล้ว รายงานหลายฉบับได้พิสูจน์แล้วว่าจุลินทรีย์ชนิดนี้มีการทำงานแบบภูมิคุ้มกัน อาทิ ช่วยยับยั้งการกำเริบของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะชนิดที่ยังไม่ลุกลาม รวมถึงลดอาการแพ้ต่างๆ

อยากรู้เรื่อง ยาคูลท์ ..ถามสาวยาคูลท์ ดูซิค่ะ
read more

Monday 23 September 2013

รับทำสไลด์ประกอบเพลง 500 บาท ราคาถูกมากๆ ถูกที่ซู้ดแล้ว แก้ได้ 3 คร้ง ไม่รวมครั้งแรก

 รับทำภาพสไลด์ภาพประกอบเสียงเพลง
 สำหรับงานต่างๆ รับงานด่วนได้ครับ 
 ราคาเพียง 500 บาท ถุกที่ซู๊ดแล้วคร้าบ!!!  


โทร. 086-9099742 (เต้ย)


 วิธีทำงาน 
1. ให้ท่านทำการส่งภาพถ่ายที่ท่านได้คัดเลือกไว้ ถ้าจะให้ดีควรจะเป็นภาพ 4:3 ภาพแนวนอน เหมือนรูปถ่ายขนาด 4x6 หรือภาพดิจิตอลแนวนอนทั่วๆไปได้ครับ ขนาดไม่เกิน 5 ล้าน พิกเซล 
(ให้ทำการ Zip ไฟล์มาด้วยก็จะดีมากครับ)
2. เรียงลำดับภาพก่อนหลัง โดยการตั้งชื่อที่ภาพไล่เรียงตั้งแต่ภาพแรกไปภาพสุดท้าย เช่น 01,02,03,04,05,06,07,08,09....... ตั้งชื่อเรียงต่อๆกันไปตามนี้ อย่าเกิน 40 ภาพครับเพราะจะดูไม่ทัน
3. หาเพลง หรือจะให้เราหาก็ได้ แต่ถ้ามีให้ก็จะทำให้งานทำได้เร็วยิ้งขึ้น
4. ข้อความที่จะแสดงบนภาพสไลด์ หรือข้อความที่จะแสดงระหว่างภาพสไลด์ ให้เขียนระบุชื่อภาพนั้น และช่วงภาพนั้นด้วย เช่น อยากให้มีข้อความ "คิดถึงนะ" อยู่ก่อนรูป ที่ 02,08,25 เป็นต้น  หรือ ถ้าอยากให้มีข้อความบนภาพเช่น "เพื่อนไม่เคยทิ้งกัน" ให้คำนี้อยู่บนภาพที่  10,28 เ็ป็นต้น
* ให้ระบุแนบไฟล์ หรือพิมพ์ลงไปในกล่องข้อความส่งเมล์ได้เลย


 รอรับงานที่ได้สั่งทำ 
หลังจากเราได้ข้อมูลทั้งหมดครบแล้ว นำมาจัดทำตามกระบวนการจนเสร็จสิ้น แล้วนำส่งให้ตรวจผ่านทาง เว็บไซต์ ที่เราจะระบุลิ้งค์สำหรับดูภาพสไลด์ที่เราจัดทำให้ท่านตรวจสอบก่อน ซึ่งทางเราขอสงวนสิทธิ์ในการแก้ 3 ครั้ง (แก้ได้ 3 ครั้ง ไม่รวมครั้งแรกที่ทำครับ) หากเกินขอครั้งละ 100 นะครับส่วนมากไม่มีใครเกินครับ
ไม่ต้องเป็นห่วง

 การตรวจสอบงาน 
ท่านจะต้องตรวจสอบงานผ่านทาง ลิ้งค์ 4Shared.com หรือ Dailymotion หรือลิ้งค์อื่นๆที่สามารถอัพโหลดภาพเคลื่อนไหวเพื่อให้ท่านตรวจทานความถูกต้องได้ เมื่อตรวจเสร็จเราจะทำการลบลิ้งค์ไฟล์งานนั้นออกทันที

500 บาทเท่านั้น!! ถูกกว่านี้ไม่มีอีกแล้วแว้วๆๆ  



 การส่งมอบงานมีอยู่ 2 ทาง 
1. เราจะทำการอัพโหลดไฟล์งานขึ้นบน Mediafire.com,4shared.com หรืออาจจะเป็นลิ้งค์โหลดที่สะดวก ซึ่ง เราจะกำหนดลิ้งค์ให้แล้วส่งผ่านทางอีเมล์แล้วให้ท่านทำการดาวโหลด ไฟล์งานนั้นลงบนเครื่องคอมของท่านเอง

2. เราจะแปลงไฟล์ใส่ CD หรือ DVD นำส่งท่านผ่านไปรษณีย์หลังจากท่านตรวจสอบงาน และต้องโอนเงินจำนวนทั้งหมดแล้วเท่านั้น(เพิ่มอีก 100 นะครับ)



โทรสอบถามรายละเอียดได้ตลอดเวลาครับ ไม่จำเป็นว่าโทรมาแล้วเราจะต้องทำกับเราครับ
ท่านลองคุยกับเราแล้วเปรียบเทียบหลายๆ ที่ครับว่าที่ใหนท่านทำแล้วคุ้มค่า แล้วมีความสุข
กับงานที่ท่านได้รับ อย่างนี้ถึงจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับเราเช่นกันครับ

ขอบคุณลูกค้าทุกๆท่านที่เราได้ให้โอกาสเรา
***ขออภัยลูกค้าทุกท่านเราไม่มีหน้าร้านนะครับ ทำงานผ่านเน็ตครับ
read more