วันนี้ขอนำเสนอ "ขนมจีนน้ำเงี้ยวสูตรเมืองแพร่" ที่บอกว่าสูตรของเมืองแพร่
เพราะว่าขนมจีนของเมืองแพร่จะไม่ใส่ดอกงิ้วเหมือนกับขนมจีนของจังหวัดอื่น
ที่เมืองแพร่กินขนมจีนกันค่อนข้างเยอะ เพราะอร่อยและราคาไม่แพง
แหล่งใหญ่ที่ขายขนมจีนก็น่าจะอยู่ใกล้ ๆ กับโรงเรียนขนาดใหญ่
เช่น หลังโรงเรียนพิริ (โรงเรียนประจำจังหวัดชาย ชื่อเต็มว่าโรงเรียนพิริยาลัยจังหวัดแพร่)
หรือหลังโรงเรียนนารี (โรงเรียนประจำจังหวัดหญิง ชื่อเต็มว่าโรงเรียนนารีรัตน์จังหวัดแพร่)
แต่จริง ๆ แล้วก็สามารถหาทานได้โดยทั่วไป
มาลองดูกรรมวิธีในการทำขนมจีนน้ำเงี้ยวตามแบบฉบับของคนเมืองแพร่บ้างนะครับ
ปล. ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือแม่ผมทำครับ ผมเป็นลูกมือและตากล้อง
จริง ๆ แล้วรีวิวไว้นานแล้วล่ะครับ เพิ่งได้มีเวลาเอามาลงบล็อค
อย่างแรกที่แปลกไปคือ เขาใส่หางน้ำปลาครับ
ถุงนี้ราคา 5 บาท แต่เราไม่ได้ใช้เยอะมาก เดี๋ยวเค็ม
กระดูกหมู
มันหมูและเนื้อหมู
เอาหมูไปสับ และทุบกระเทียมรอไว้ เดี๋ยวเอาไปเจียว
เลือดไก่ครับ
เอามาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เหมือนเฉาก๊วย
เอากระเทียมไปเจียวให้หอม
ใส่กระดูกหมูลงไปผัดกับกระเทียมให้หอม
ถ้ามันชิ้นใหญ่นัก ก็ต้องพลิกกลับอีกด้าน
ตั้งน้ำให้เดือด วันนี้ใช้เตาอั้งโล่ เพราะต้องใช้เวลานานหน่อย
ใส่กระดูกหมูที่ผัดกับกระเทียมแล้วลงไป
ตามด้วยรากผักชี
เมื่อน้ำเดือดปุด ๆ ก็พยายามช้อนฟองทิ้งด้วยนะครับ
ระหว่างที่รอให้น้ำแกงเดือด เราก็มาเจียวมันหมูกันนะครับ
มันหมูที่ซื้อมาก็ล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ
สุดท้ายก็ใส่กระเทียมลงไปเจียวด้วย
เรียบร้อยแล้วครับ เจียวหมู
กลับมาที่น้ำแกงอีกครั้ง ใส่หางน้ำปลาลงไป
ไม่ต้องใส่เยอะ เดี๋ยวจะเค็ม
ตามด้วยเลือดไก่ที่หั่นแล้ว
ตามด้วยมะเขือเทศหั่น หรืออาจจะใช้มะเขือเทศพื้นเมืองที่ลูกเล็ก ๆ
ใส่ลงไปทั้งลูกเลยก็ได้
ผักที่ทานกับขนมจีน ก็มีถั่วงอก แล้วก็ผักชี
เอาขนมจีนใส่ถ้วย แล้วโรยด้วยถั่วงอก ผักชี
แล้วตามด้วยกากหมู แล้วแต่ความชอบนะครับ
ตักน้ำขนมจีนราดลงไป เป็นอันเรียบร้อย จะบีบมะนาวใส่ลงไปซักซีก
หรือใส่พริกป่นลงไปนิดหน่อย ก็อร่อยแล้ว
ที่เมืองแพร่เขาเรียกขนมจีนว่า "ขนมเส้น"
บางร้านเขาใส่ข้อไก่ ใส่ตีนไก่ลงไปแทน หรือจะใส่หมูสับลงไปเยอะ ๆ ก็แล้วแต่สะดวก
ออกมาก็อร่อยเหมือนกัน หรือจะทานกับข้าวกั้นจิ้น ก็อร่อยไปอีกแบบ
ผมก็แปลกใจเหมือนกันว่ามันไม่ได้ใส่ดอกงิ้วแล้วทำไมเรียกว่าน้ำเงี้ยว
แล้วที่ใส่ดอกงิ้วทำไมไม่เรียกว่าขนมจีนน้ำงิ้ว ทำไมเรียกน้ำเงี้ยวแทน
ถึงจะชื่อเรียกยังไงก็เถอะ ทำออกมาให้มันน่ากินและอร่อยเป็นพอ
ถ้าอยากทานขนมจีนแบบนี้ ก็เชิญได้ที่เมืองแพร่นะครับ
Create Date : 12 เมษายน 2552
Last Update : 12 เมษายน 2552 20:12:14 น.
ที่มา : http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=somtumplara&month=04-2009&date=12&group=1&gblog=49
No comments:
Post a Comment
ขอบคุณจ้า..