ข้อเสนอพิเศษ ลองดู

Saturday 11 June 2011

หมักแป้ง ขนมจีน สำเร็จเพียงวันเดียว สูตรเด็ดจากนักวิจัยมทร.ธัญบุรี

หลายคนอาจไม่ทราบว่ากว่าจะได้ขนมจีน มารับประทานกับน้ำยาแสนอร่อย และยังเป็นที่นิยมของคนไทยทั่วทุกภูมิภาคนั้นต้องผ่านกระบวนการทำหลายขั้นตอน แม้ปัจจุบันจะมีการใช้เครื่องจักรเข้าช่วยแต่ก็ยังมีกระบวนการที่ต้องใช้เวลาในการหมักแป้ง 2-3 วันอยู่ดี ซึ่งถ้าหากจะให้สะดวกและทันการการบริโภคยังนับว่าใช้เวลามาก อีกทั้ง ระหว่างการผลิต ยังมีน้ำทิ้งที่มีความเป็นกรดออกมามากทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเมื่อปล่อยลงสู่แหล่งน้ำ อีกทั้งคุณภาพของขนมจีนที่ได้อาจจะเปลี่ยนไปตามปัจจัยที่ส่งผลในแต่ละครั้งในการทำ ไม่สามารถควบคุมได้





จากปัญหาดังกล่าว ทำให้ “ดร.อรวัลภ์ อุปถัมภานนท์” นักวิจัยจากคณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ไปคว้ารางวัล เหรียญเงิน จากการประกวดสิ่งประดิษฐ์ของนักวิจัยสตรี ในงาน Korea International Women’s Invention Exposition 2010(KIVIE2010) ณ แปซิฟิคฮอลล์ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้





จากงานวิจัย การผลิตขนมจีนแป้งหมักโดยใช้เทคโนโลยีสะอาด ซึ่งการวิจัยชิ้นนี้สามารถแก้ปันหาที่กล่าวมาข้างต้นอย่างได้จนเป็นผลสำเร็จดร.อรวัลภ์ เปิดเผยว่า งานวิจัยนี้ สามารถแก้ปัญหาได้ถึงสามส่วนคือ สามารถลดระยะเวลาในการผลิต ลดปริมาณน้ำเสียจากกระบวนการผลิต และสามารถความคุมระบบการผลิต ควบคุณคุณภาพของขนมจีนได้




ขั้นตอนการทำขนมจีนโดยทั่วไป เริ่มจาก เตรียมข้าวเหนียว(หัก)มาล้างทำความสะอาด แช่น้ำ 6 ชม. แล้วนำไปโม่เปียก พอได้แป้งน้ำ นำไปหมักที่อุณหภูมิห้อง จากนั้นนำไปทับน้ำ เหลือก้อนแป้งที่มีความชื้น ประมาณร้อยละ50-55 แล้วนำก้อนแป้งที่ได้ไปนึ่งเป็นเวลา 30 นาที นำไปนวดให้ได้ที่แล้วนำไปโรยเส้น เป็นขนมจีน ซึ่งการลดระยะเวลาการผลิต จากปกติการหมักแป้งต้องใช้เวลา2-3 วัน ให้เหลือแค่ 1 วัน ซึ่งในกระบวนการนี้ จะมีการ คัดกล้าเชื้อเพื่อช่วยในการย่อยแป้ง เป็นกล้าเชื้อในกลุ่ม Lactobacillus plantarum กล้าเชื้อที่เติมลงไปมีคุณสมบัติช่วยให้ย่อยแป้งเร็วขึ้น ซึ่งจัดเป็นเทคโนโลยีสะอาดที่ช่วยในการพัฒนาการผลิต เช่นเดียวกับการผลิตโยเกิรต์”
     




ส่วนการควบคุมคุณภาพ เนื่องจาก ในการหมักแป้งเกิดจากการหมักที่เติมกล้าเชื้อที่ได้คัดเลือกแล้วเพียงชนิดเดียว ทำให้ผู้ผลิตสามารถควบคุณคุณภาพได้
     
“การหมักแบบนี้ ไม่เหมือนกับการหมักแป้งโดยทั่วไปที่ทิ้งให้แป้งย่อยเองซึ่งเสี่ยงกับการปนเปื้อนกับเชื้อชนิดอื่น และอาจส่งผลกับคุณภาพไปด้วย และน้ำเสียระหว่างการผลิตก็ลดปริมาณการกรดลดลง ทำให้ลดปริมาณน้ำเสียจากกระบวนการผลิตลงได้นอกจากจะได้ประโยชน์กับมนุษย์โดยตรงแล้ว ยังมีส่วนช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กำลังเป็นปัญหาระดับโลกอีกด้วย” ดร.อลวัลภ์กล่าวสรุป


ที่มา :  http://61.19.246.214/~accout/direct/browse.php/Oi8vd3d3/Mi5tYW5h/Z2VyLmNv/LnRoL0Nh/bXB1cy9W/aWV3TmV3/cy5hc3B4/P05ld3NJ/RD05NTMw/MDAwMDkw/Mzgz/b5/

No comments:

Post a Comment

ขอบคุณจ้า..